เฟี้ยว์ฟ้าว แจ้งความดำเนินคดี อดีตผู้จัดการ ข้อหาหมิ่นประมาท ใส่ร้ายทำเสียชื่อเสียง เรียกค่าเสียหาย 7 หลัก เผยบทเรียนสำคัญไว้ใจคนใกล้ตัวมากเกินไป
เมื่อวันที่ 26 ม.ค. 65 ที่ สน.บางเขน นักแสดงสาว เฟี้ยว์ฟ้าว สุดสวิงริงโก้ หรือ “อิม เฟี้ยวฟ้าว” พร้อมด้วย นายรัชพล ศิริสาคร ทนายความ เดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีอดีตผู้จัดการส่วนตัว ในข้อหาหมิ่นประมาท ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง หลังร่วมทำธุรกิจทัวร์ท่องเที่ยวพม่า
โดย อิม เผยว่า “เหตุการณ์นี้มันเกิดกับอดีตผจก.คนเก่า เขาทำเรื่องไว้ เราพยายามนิ่ง เพื่อให้เขากลับตัวกลับใจได้ ในความคิดเราเขายังคิดไม่ได้ เขายังไปยุยงปลุกปั่นให้ลูกค้าลูกทัวร์ได้รับความเสียหายรวมทั้งตัวเรา ย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว เราได้ทำทัวร์พม่า แล้วคนบริสุทธิ์อย่างลูกทัวร์เยอะมากประมาณ 3 บัส เราได้นำเงินของลูกทัวร์ทั้งหมดไปแจกจ่ายให้กับเอเจนซี่ และกับอดีต ผจก.ให้เขาไปดำเนินการ เขาก็จะนำเงินของเราทุกบาททุกสตางค์ไปแจกจ่ายดำเนินการทำทัวร์ แล้วก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน”
“เพราะสถานการณ์โควิดในตอนนั้นมันเป็นครั้งแรกของโลก มันเกิดขึ้นก่อนที่เราจะบินไป 3 วัน ทีนี้ค่าใช้จ่ายมันจ่ายตามแลนด์ต่างๆ ของประเทศพม่าไปแล้ว จ่ายเอเจนซี่แล้ว เราเลยประกาศเลื่อน เมื่อสถานการณ์โควิดดีเมื่อไหร่ เราจะพร้อมบิน ต่อมาเราก็ได้เห็นข่าวว่าสายการบินจะทยอยคืนเงินให้ เราเลยถามอดีตผจก.ว่าพี่ได้เงินคืนหรือยัง อดีตผจก.ก็ได้บอกกล่าวกับหนูว่ายังไม่ได้คืน”
“หลังจากนั้นผ่านมา 2 ปี เดือนกันยายน มีลูกค้ารายหนึ่งที่ไม่เกี่ยวกับทัวร์ ที่จ้างหนูทำงานอีกงานหนึ่ง ได้โทรมาคุยกับหนูว่า น้องอิมพี่โอนเงินให้กับหนูแล้วนะ ทำไมน้องอิมไม่มาทำงานให้กับพี่ หนูเลยตอบกลับไปว่า หนูได้เงินแค่เพียงบางส่วนอยู่เลย เขาก็บอกว่าพี่โอนให้อดีตผจก.น้องอิมครบแล้วนะคะ เราก็คุยเล่นกันว่าไม่จริงหรอก จนเราก็เลยอึ้งว่าเกิดอะไรขึ้น เขาเลยส่งหลักฐานในการโอนเงินให้กับอดีตผจก. ประมาณ 7 หลักได้ค่ะ ซึ่งสิ่งนี้หนูได้รับไม่เท่าไหร่ หนูเลยเกิดความคิดกับเขาในใจ เพราะคิดเสมอว่าเขาเป็นคนในครอบครัว มีความไว้ใจมากๆ เพราะร่วมงานด้วยกันมา 5 ปี”
“ก่อนทำงานหนูจะให้เขาสาบานเสมอว่าต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตในการทำงาน หลังจากนั้นที่ลูกค้าส่งรายละเอียดการโอนเงินมา รู้สึกว่าเขามีพิรุธแล้ว สิ่งที่เราคิดว่าเขาซื่อสัตย์อาจจะไม่มีแล้ว เราเลยไปรื้อเอกสารทัวร์ โทรไปหาเอเจนซี่ แล้วเอเจนซี่ก็ร่วมมือกับเขาอีกในการทำสิ่งที่ไม่โอเค”
“ในความเชื่อของหนูก็คิดว่าเขาหลอก เลยเอารหัสการจองบุ๊กกิ้งโทรไปที่สายการบิน สิ่งที่หนูตกใจมากๆ คือเงินได้ทำการคืนตั้งแต่ มี.ค. เมื่อ 2 ปีที่แล้ว สรุปได้ว่าเงินทั้งหมดอยู่ที่อดีตผจก. แล้วเราเชื่อว่าเขาหลอกเรามาตลอด หลอกผู้บริสุทธิ์ที่เป็นลูกทัวร์ด้วย เราก็เลยแจ้งความ พอแจ้งความเอาเอกสารทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นการจองก็เข้าข่ายในสิ่งที่เขาทำไว้ หลังจากนั้นเอเจนซี่ก็แสดงสปิริตที่ดีมาก ยอมรับว่าได้ร่วมกับเขาในการทำพฤติกรรมไม่เหมาะสม โดยการเอาเงินไปนานมาก”
“ทีนี้เราต้องการที่จะเคลียร์กับลูกทัวร์ หนูก็เลยติดต่อไปที่แลนด์พม่า ขอเงินคืนเพื่อจะเอาเงินมาคืนลูกทัวร์ตามกฎต่างๆ ที่การท่องเที่ยวกำหนดไว้ โดยตามกฎมีอยู่ว่าถ้ายกเลิกให้คืนเงินทั้งหมด จนผจก.ได้เอาเงินมาคืนต่อหน้าตำรวจ สารภาพผิด หลังจากวันนั้นเราก็ติดต่อแลนด์พม่า เพื่อที่จะได้เงินเพิ่มเอามาแจกจ่ายลูกทัวร์หารเท่าๆ กันในส่วนที่ยุติธรรมที่สุด แต่ด้วยการเมืองและสถานการณ์โควิดของพม่าทำให้เราติดต่อค่อนข้างยาก แต่เขาก็พยายามช่วย เพราะจริงๆ เราได้แจกจ่ายเงินค่าโรงแรม สถานที่ท่องเที่ยวไว้แล้ว แล้วพม่าเขาก็เอาเงินส่วนตัวของเขาให้เรามาอีก 2 หมื่นด้วยความเอ็นดู”
“แต่พฤติกรรมของอดีตผจก.ได้แอบขโมยเงินของอิมไปคืนลูกทัวร์บางท่าน ซึ่งมันไม่โอเค จริงๆ แล้วมันต้องหารกันทุกๆ คน ทีนี้เราทำการคืนเงิน 30 เปอร์เซ็นต์หลังจากที่ได้รับเงินจากอดีต ผจก.คืนมา แต่ว่าเอเจนซี่เรายังไม่ได้คืนนะ เราก็เอาเงินส่วนตัวทั้งหมดของอิมนี่แหละค่ะ อัดให้เต็มเพื่อมาเติมเต็ม”
“แล้วสิ่งที่ไม่คาดฝัน คืออดีตผจก.ได้รวมกลุ่มลูกทัวร์ ใส่ร้ายป้ายสีอิม เป็นศัพท์ที่รุนแรงกับชีวิตอิม มากๆ ทีนี้เหมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วย เพราะอิมได้คุยกับพี่ชายว่าจะล้มทัวร์นี้ แล้วเราจะคืนเงินให้กับทุกคน อิมก็ว่าดี เพราะดูแล้วสถานการณ์โควิดน่าจะอีกนาน ลูกทัวร์จะได้เอาเงินไปใช้ในชีวิตของเขา เขาจะได้มีชีวิตที่ดีขึ้น เราก็โอเค และพยายามที่จะดึงลูกทัวร์เข้ามาในกลุ่ม”
“แต่เอกสารที่เราได้มาจากอดีตผจก. เป็นเอกสารที่ปลอมแปลง ทำให้เรารู้ชื่อค่อนข้างยาก แต่ก็มีลูกทัวร์บางท่านที่เราคืนให้ 30 เปอร์เซ็นต์ เราถามเขาว่ารู้จักลูกทัวร์คนอื่นๆ อีกไหม ช่วยดึงเข้ามาในกลุ่มหน่อย เพราะเราจะทำการคืนเงิน พอรวบรวมกลุ่ม เราก็ได้ชี้แจง แต่กลับกลายเป็นว่าลูกทัวร์บางท่านได้ใช้ถ้อยคำที่รุนแรงกับเรา”
“เราเลยคุยกับพี่ชายว่า เขาไม่สงสารเราเหรอ อิมเป็นตัวสู้ให้เขา ปกป้องเขากับสิ่งที่อดีตผจก.ทำ แต่มันก็ต้องตามศักยภาพอยู่แล้ว เพราะหนูคือเจ้าของทัวร์ แต่ความในใจ คือเราอยากให้ลูกทัวร์เข้าใจเราบ้าง จนทะเลาะกันในไลน์กลุ่ม เราจึงต้องอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง ลูกทัวร์เลยเอ็นดูเราและเริ่มเข้าใจ ทั้งๆ ที่เงินยังไม่ได้เงินจากเอเจนซี่คืน เราเอาเงินส่วนตัวใส่อัดทับ เพื่อให้เขาจบ มีชีวิตที่ดี แต่เพิ่งได้คืนเมื่อ 5 วันที่แล้ว”
“ทีนี้ลูกทัวร์บางท่านเลยมาคุยกับเรา บอกว่ารู้ไหมทำไมตอนแรกเราไม่เข้าใจคุณอิม ทำไมถึงมองคุณอิมไม่โอเค เพราะว่าอดีตผจก.ได้ทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องมากๆ รุนแรง กับผู้บริสุทธิ์ 100 กว่าคน ต่อตัวเรา และครอบครัวเราอีก แฟนคลับและลูกทัวร์ได้ส่งหลักฐานมาให้หนูกับสิ่งที่เขายั่วยุปลุกปั่นใส่ร้ายป้ายสี ทำให้หนูถูกมองไม่ดี แล้วเขาก็บอกว่าคุณอิมโดนเยอะจริงๆเนอะ เขาก็ขอโทษเรานะที่มองเราไม่ดี พอเราได้ส่งหลักฐานเอกสารเรื่องที่เขายอมรับในคดีความที่เราล้มให้เขา เพราะเราอยากให้อดีตผจก.มีชีวิตที่ดีขึ้น อยากให้เขาคิดได้ แต่เขาคิดไม่ได้จริงๆ ค่ะ”
“เมื่อ 4-5 วันก่อน อดีตผจก.ยังได้โทรไปหาลูกค้าเรา แต่งเติมถ้อยคำให้เราดูแย่ ทั้งๆ ที่เราไม่ได้กระทำ ซึ่งหลักฐานทุกอย่าง เราโกหกไม่ได้อยู่แล้ว เพราะเป็นหลักฐานตราครุฑ วันนี้เราเลยจะมาเรียกร้องความเป็นธรรมกับชีวิตของเราบ้าง ที่ผ่านมาเราให้อภัยเขามาตลอด มีการคอมเมนต์ในโซเชี่ยล เราก็พยายามที่จะเงียบและคุยหลังบ้านให้ดีที่สุด เพราะไม่อยากให้อดีตผจก.มีเรื่อง แต่ประมาณ 5 วันที่ผ่านมา เขายังคิดไม่ได้ สิ่งที่เขากระทำมันผิดค่ะ”
“ต้องเกริ่นก่อนนะคะว่าอิมทำงานในวงการบันเทิงอยู่เบื้องหน้า ทั้งพิธีกร งานแสดง โฆษณา พรีเซ็นเตอร์ และเบื้องหลัง การผลิตรายการ ผลิตงานโฆษณา ออกแบบผลิตภัณฑ์ ทำทัวร์ และตอนนี้มีโปรเจ็กต์ที่กำลังจะผลิตหนังอีก สิ่งที่เขาเอาอิมไปพูด มันทำลายชื่อเสียงที่อิมสะสมมาโดยถ้อยคำที่เขาแต่งเติม ไม่เป็นความจริง ทำให้อิมเสื่อมเสียในธุรกิจอีกหลายๆ อย่างในชีวิต และเสื่อมเสียชื่อเสียงในวงการบันเทิงอีกด้วยค่ะ”
“ส่วนเรื่องนี้มีผู้ใหญ่คนหนึ่ง หนูต้องขอบคุณมากๆ เลย ตอนแรกเรากลัวมากเลย ไม่กล้าที่จะโทรคุยกับเขา เพราะเราเกรงใจ แต่ก็อยากแสดงความบริสุทธิ์ เลยตัดสินใจโทรไปหาผู้ใหญ่คนหนึ่ง คนนี้คือสำคัญจริงๆ ค่ะ ทำให้หนูได้หลักฐานมา อดีตผจก.ได้ไปพูดใส่ร้ายหนู ให้กับผู้ใหญ่คนนี้ฟัง”
“ผู้ใหญ่คนนี้ก็บอกว่าพี่ผ่านอะไรมาเยอะ พี่รู้ถ้าคนคนหนึ่งเคยเป็นลูกจ้างที่เคยอยู่ด้วยกัน รักเหมือนพี่เหมือนน้อง แต่พอออกมาแล้วเอาเจ้านายมานินทาว่าร้าย พี่ควรจะเลือกฟังใคร แล้วเขาก็เลยสงสารหนู บอกว่าอิมสบายใจได้พี่โตพอ เขาก็เลยเอาหลักฐานอันหนึ่งมาให้อิมอีก มันเลยทำให้หลักฐานของหนูที่อยู่ในมือตอนนี้ แข็งมากๆ เลย”
หลักฐานที่มาแจ้งความในวันนี้มีอะไรบ้าง? อิม : “สิ่งที่เขาว่าร้าย สิ่งที่เขาใส่ร้ายทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการแช็ต การคุย ลูกค้า ลูกทัวร์และผู้ใหญ่คนนั้น ส่งหลักฐานทั้งหมด เพราะเขาสงสาร ทำให้เราคิดว่ามันถึงเวลาแล้ว เขาทำผิด เขาควรได้รับในสิ่งที่เขากระทำ ไม่อย่างนั้นเขาจะคิดไม่ได้เลย สิ่งที่เขาทำอย่าง 4 วันที่แล้ว มันก็ผิดศีล 5 แล้ว การที่เขาใส่ร้ายป้ายสี เบียดเบียนอิม แต่งเรื่องมันก็ผิดศีล 5 มันไม่ได้จริงๆ”
ยอดเงินที่เขาได้ไป กับยอดเงินที่อิมต้องไปซัพพอร์ตให้ลูกค้า รวมตัวเลขเท่าไหร่? อิม : “เป็นหลักล้านค่ะ มันแบ่งเป็น 3 อันนะ มันมีเอเจนซี่ที่ร่วมกับเขา ตัวเขา แล้วก็แลนด์ บอกตัวเลขได้ค่ะ ตรงนี้สบายอยู่แล้ว ก็หลักล้านค่ะ รวม 3 อันนี้”
ทนาย : “เอเจนซี่เขาค้างเราอยู่ 280,000 บาท ที่แลนด์อีก 180,000 บาท ตรงนี้เราเป็นคนซัพพอร์ตคืนให้ลูกทัวร์หมดเลยครับ เอาเงินส่วนตัวออกไปก่อน เพิ่งได้เงินคืนจากเอเจนซี่เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่จากทางแลนด์ยังไม่ได้ เพราะเราก็เข้าใจ”
ลูกทัวร์ไม่มีติดใจอะไรแล้วใช่ไหม? อิม : “ใช่ค่ะ ลูกทัวร์โอเคค่ะ แล้วหนูก็โอเค คือทัวร์เนี่ยไม่ได้กำไรนะคะ เราเอาตัวเลขให้ทุกคนดูหมดเลย ทุกอย่างที่ทำคือไม่ได้กำไร เราจัดทัวร์ 3 บัส 110 คน มูลค่าต่อคนจำไม่ได้ เป็นแบบ VIP”
ทนาย : “ที่ค้างอยู่คือค่าแรง 180,000 บาท เราก็เอาตรงนี้มาเคลียร์ หารค่าใช้จ่ายทุกคน 110 คนจะต้องเสียคนละพันกว่าบาท ซึ่งเราก็คุยกับเขาโอเคแล้ว”
ได้ทวงถามเงินคืนจากอดีตผู้จัดการไหม? อิม : “ได้ค่ะ ตอนแรกกว่าจะได้คืน เขาก็บ่ายเบี่ยงตลอด ว่าเงินอยู่ที่ทางสายการบิน พอคืนเสร็จแล้ว หนูก็รีบจัดคืนให้กับบางส่วน 30 เปอร์เซ็นต์ หลักจากนั้นจังหวะเดียวกันที่หนูไม่รู้ว่าเขาเป็นตัวตั้งตัวตีที่จะรวบรวมลูกค้าไปแจ้งท่องเที่ยวมาดำเนินคดีหนู ซึ่งหนูก็บอกว่าพี่เบลล์ เราคืนเงินทั้งหมดเลยดีกว่า ตอนนี้ซัพพอร์ตเขาให้เต็มที่เลยดีกว่า ก็เลยรู้เหตุการณ์ว่าคุณเป็นคนก่อ แล้วคุณยังมารวบรวมลูกทัวร์ให้มาดำเนินคดีเรา ทั้งๆ ที่คุณเป็นคนก่อ แล้วอิมเป็นคนแก้ให้ แล้วอิมก็เติมในสิ่งที่ขาดหายให้เต็ม เพราะฉะนั้นสิ่งที่อิมทำ บริสุทธิ์ใจมากๆ เพราะอิมไม่ได้อยากจะอะไรตรงนี้เลย”
ที่จะแจ้งความก็คือเรื่องที่เขาไปพูดให้เราเสื่อมเสีย? อิม : “ใช่ค่ะ เราแจ้งความผู้จัดการคนเดียวเลย คนอื่นเขาเอ็นดูหนู ส่งหลักฐานมาให้หนูเยอะแยะเลย”
ทนาย : “ตอนนี้ที่เรามาแจ้งความ เพราะไม่รู้ว่าทางคู่กรณีเขาไปคุยอะไรกับคนอื่นเพิ่มเติมหรือเปล่า เพราะเป็นการพูดลับหลัง คุณอิมก็จะไม่รู้เรื่อง เพราะฉะนั้นวันนี้ สาเหตุแรกที่แถลงข่าว เพราะอยากจะบอกว่า ขอให้ระวัง ในการรับฟังข่าวสารจากบุคคลคนนี้ สองคือมันมีข้อความหลายส่วน ที่เป็นเรื่องที่ไม่จริง เข้าข่ายเป็นความผิดในข้อหาหมิ่นประมาท เลยมาแจ้งความทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดำเนินคดีครับ เจ้าหน้าที่ก็รับเรื่องครับ แต่ตอนนี้เรามาแถลงข่าวอยู่ หลังจากนี้เราจะไปแจ้งความต่ออีกทีหนึ่ง”
จะแจ้งความข้อหาไหนบ้าง? ทนาย : “เป็นประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326 หมิ่นประมาทผู้อื่น ซึ่งทำให้คุณอิมได้รับความเสียหาย โทษจำคุก 1 ปี ปรับ 2 หมื่นบาท อันนี้เป็นโทษสูงสุดครับ แล้วก็จะเรียกร้องค่าเสียหายอีกต่างหากครับ”
ทำไมเลือกมาแจ้งความ มากกว่าจะไปฟ้องร้องที่ศาล? ทนาย : “มันก็เป็นสิทธิ์ของเราอยู่แล้วครับ ที่เราจะดำเนินการตรงไหนก็ได้ หรือว่าจะฟ้องก็ได้ ในส่วนนี้เราเลือกที่จะมาแจ้งความ ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีครับ จะฟ้องเองไหม อันนี้ต้องพิจารณาอีกทีหนึ่งครับ แต่ว่าน่าจะให้ทางตำรวจดำเนินคดีเป็นหลักครับ”
จะเรียกร้องค่าเสียหายเท่าไหร่? อิม : “คือเรียกร้องตามกฎหมายค่ะ ตามที่ทนายบอก แล้วก็เรียกร้องค่าเสียหายอีก 7 หลักค่ะ เพราะว่าชื่อเสียงที่หนูสะสมมานาน ก็ไม่ได้น้อยๆ เราอยู่วงการมาทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลัง หนูทำงานอีกเยอะแยะมากมาย อย่างที่ได้เกริ่นไปเมื่อสักครู่นี้ แล้วหนูก็เป็นที่ไว้วางใจให้กับลูกค้าอีกหลายท่าน สิ่งที่เขากระทำ มันทำให้หนูเสื่อมเสียชื่อเสียง และสิ่งที่หนูสะสมมานาน ในความซื่อสัตย์ซื่อตรง มันทำให้หนูอาจจะดูไม่โอเค เพราะฉะนั้นหนูขอเรียกร้องความเป็นธรรม”
ได้ถามเขาไหมว่าทำไมทำแบบนี้ ทำงานกับเรามาตั้ง 5 ปี อยู่ดีๆ มาหักหลังเราแบบนี้? อิม : “ในความคิดของหนูดีกว่า คนเราถ้ามันไม่รู้จักพอ มันจะนำไปสู่ความไม่สุจริต คนเราเวลาทำงานกับเจ้านาย แล้วเอาเจ้านายมาพูดเสื่อมเสียชื่อเสียง ก็เหมือนที่ผู้ใหญ่คนนั้นบอกหนูค่ะ ที่เขาให้หลักฐานหนูมา คนคนนั้นควรคบหรือไม่คบ พิจารณาเอาเองค่ะ”
จากเหตุการณ์นี้ ทำให้เราเอะใจไปถึงเรื่องการเงินก่อนหน้าบ้างไหม? อิม : “มี แต่หนูอาจจะยังพูดไม่ได้ มีอีกเยอะ แต่ขอไม่พูดตรงนี้ เพราะตอนนี้กำลังรวบรวมหลักฐาน แล้วก็อะไรอีกหลายๆ อย่าง หนูขอเอาแค่ตรงนี้ ที่ทำให้หนูเดือดร้อน แล้วหนูก็เอ็นดูผู้บริสุทธิ์อีก 3 บัส ที่หนูออกมาพูดในวันนี้ เขาบริสุทธิ์ หนูก็บริสุทธิ์ ครอบครัวหนูก็บริสุทธิ์ กับสิ่งที่เขาก่อ เขาควรยอมรับผิด แล้วหนูอยากจะบอกว่า สิ่งที่เขาเป็นอยู่ทุกวันนี้ เขาควรศึกษาคำว่า พรหมวิหาร 4 ให้มากๆ หนูรู้ว่าหลายๆ คนรู้ ว่าตอนนี้เขากำลังทำอะไรอยู่ ถ้าคุณศึกษาเรื่องพรหมวิหาร 4 คุณจะไม่ก่อสิ่งต่างๆ ให้เกิดขึ้น”
“เมื่อไม่กี่วันนี้เลย คุณไปเรียนรู้มาแล้วครองศีลให้ได้ คิดได้กลับตัวกลับใจเถอะค่ะ ค่อยๆ เรียนรู้ ค่อยๆ ปล่อยวาง ไม่แน่นะคะ ชีวิตคุณอาจจะดีขึ้นก็ได้ในอนาคต เขาถึงได้บอกไงคะ คนไหนที่เคยมีชีวิตที่ไม่ดี ถ้ากลับตัวกลับใจ นั่นคือมนุษย์ที่ประเสริฐ แต่ถ้ามนุษย์คนไหน ที่ประพฤติไม่ดี แล้วยังคิดไม่ได้ ควรปรับปรุงตนเองให้มากที่สุด เพื่อไม่ให้ทำความเดือดร้อนกับตนเองและผู้อื่นค่ะ”
ถ้าเขากลับตัวกลับใจได้ แล้วมาคุยมาขอโทษ เราจะถอนแจ้งความไหม? อิม : “อิมให้เวลาเขากลับตัวกลับใจมานานมาก นานจริงๆ อิมพยายามเงียบ นักข่าวต่อหาอิมตั้งหลายครั้งว่าเกิดเรื่องอะไร หนูพยายามเงียบ พยายามคิดตลอดเลย เผื่อวันหนึ่งเขากลับตัวกลับใจได้ ไม่เป็นไร แต่เมื่อ 4 วันที่ผ่านมาเขาก็ยังไม่หยุด เขาไม่หยุดเลยตลอด 1 เดือนหรือ 2 เดือน หนูก็เลยต้องเอาความยุติธรรมของกฎหมาย ดำเนินคดีกับเขา เพื่อให้เขาหยุด เรียกร้องสิทธิ์ของตัวหนู”
ในเรื่องของคดี ที่เขาไปยุยงปลุกปั่น ให้ลูกทัวร์ไปแจ้งความเรา ตอนนี้มีการดำเนินคดีหรือยัง?
อิม : “ไม่มี ก็จังหวะที่หนูเล่าให้ฟังเมื่อสักครู่ ว่ามันบังเอิญจังหวะเดียวกัน เหมือนเทวดาช่วยหนูนะ คือลูกทัวร์จะไปรวมตัวกัน เพราะอดีตผู้จัดการเขาบอกว่า เดี๋ยวเขาจะทำเอกสารให้ด้วยนะ แล้วมันเป็นจังหวะที่หนูคุยกันว่าคืนเงินเลยดีกว่า จังหวะเดียวกันเลย หนูก็เลยบอกว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริงด้วย ถ้าวันนั้นหนูไม่คืน ก็คงเป็นเรื่องใหญ่แน่นอน เพราะเราคิดว่าเอาเงินคืน เขาจะได้มีชีวิตที่ดีขึ้น เพราะกว่าประเทศจะเปิดอีกตั้งนาน จังหวะพอดี เราก็เลยรู้ว่ามันเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง”
ครั้งนี้ไม่ยอมความแน่นอน? อิม : “เรียกว่าหนูขอเรียกร้องสิทธิ์ความเป็นธรรมดีกว่าค่ะ เพราะหนูยอมตลอดเลย แล้วก็มีหลายท่าน อาจจะเข้าใจหนูผิด แล้วชื่อเสียงที่สะสมมาไม่ใช่น้อยๆ การงานที่ทำมาก็ไม่น้อย เพราะฉะนั้นขอเรียกร้องสิทธิ์ความเป็นธรรมให้กับหนูค่ะ”
ทนาย : “ก็ต้องบอกว่าคดีหมิ่นประมาท มันเป็นคดีที่ยอมความกันได้ ถ้าหากว่าเขาติดต่อมา แล้วคุณอิมพอใจในข้อเสนอของทางคู่กรณี ก็สามารถที่จะยอมความกันได้ แต่ทั้งนี้ก็อยู่ที่ทางคุณอิมและคู่กรณีว่าตกลงกันได้มากน้อยเพียงใด”
พร้อมเผชิญหน้ากับเขาไหม หรือให้ทนายจัดการ? อิม : “หนูว่าเรื่องแบบนี้ ให้ทนายจัดการเลยดีกว่าค่ะ เพราะว่าทุกอย่างที่หนูพูดไปเป็นเรื่องจริง แล้วก็มีเอกสารทางกฎหมายที่ตำรวจ หนูขอจบ คือหนูขอบคุณมากๆ เลยนะ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอะ ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีที่แฝงอยู่ ทำให้เป็นประสบการณ์ชีวิต ต่อจากนี้จะได้เรียนรู้มากขึ้น เกี่ยวกับการเชื่อใจคนใกล้ตัว ทุกอย่างต้องมีเอกสาร แล้วก็ไม่ควรไว้วางใจใครมาก ต้องพิจารณาไตร่ตรองให้มากกว่านี้”