เปิดประวัติ “ครูเทียม” จากลูกเมียน้อยแสนลำบาก ตะกายสู่ครูสอนเต้นแถวหน้าฝีปากแจ๋ว ก่อนจบลงที่อนาจารเด็ก
ชื่อของ “ครูเทียม ชุติเดช” กำลังได้รับความสนใจเป็นอย่างมากอยู่ในขณะนี้ หลัง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ลุยจับคอนเมนเตเตอร์ชื่อดัง “ครูเทียม” ลวงเด็กชายวัย 16 ไปกระทำอนาจาร
และหากใครที่เคยดูรายการ “ชิงช้าสวรรค์” จะต้องรู้จัก “ครูเทียม ชุติเดช” หนึ่งในกรรมการประจำรายการอย่างแน่นอน
สำหรับ ประวัติ ครูเทียม แห่งรายการชิงช้าสวรรค์ มีชื่อจริงว่า “ชุติเดช ทองอยู่” ปัจจุบันอายุ 60 ปี เป็นคนจังหวัดบุรีรัมย์ มีอาชีพเป็นครูสอนเต้นแถวหน้าของเมืองไทย เป็นนักปั้นมือทองแห่งวงการแดนเซอร์หรือวงการหางเครื่องไทย ที่ทำให้ศิลปินหลายท่านโด่งดังมาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็น บานเย็น รากแก่น, เอกชัย ศรีวิชัย, นกน้อย อุไรพร และ ต่าย อรทัย เป็นต้น
ซึ่งกว่าจะมาเป็นครูเทียมที่โด่งดังในวันนี้ ชีวิตผ่านความลำบากมามาก ครูเทียมเคยเปิดเผยออกสื่อว่าเป็นลูกเมียน้อย คุณพ่อเป็นคหบดี มีรถขับ แต่หลังจากคุณพ่อเสีย แม่เลยต้องหอบลูก 6 คน มาอยู่บ้านนอก มาขี่หลังควาย มีชีวิตลำบาก จากที่คุณพ่อเคยพาไปแจกของเด็กยากไร้ ครูเทียมต้องกลายเป็นคนไปนั่งรับแจกซะเอง
อายุ 14 ปี ช่วงปิดเทอม ครูเทียมนั่งรถเข้ากรุงเทพฯ เพื่อมาทำงานก่อสร้าง หาเงิน จนวันหนึ่งได้ไปสมัครงานในวงดนตรีลูกทุ่งของ “ศรเพชร ศรสุพรรณ” ตอนแรกเขาให้เป็นคนแบกหามของทุกอย่าง แต่ด้วยความจนก็ไม่ถอยหลัง ยอมทำทุกอย่าง จนเห็นหางเครื่องเต้น เราก็ว่าเราทำได้ เต้นตาม พี่ที่สอนเต้นเขาก็เห็น จนมีโอกาสทอง คนขาด เขาก็ถามว่าไหวไหม จนได้เต้นคู่กับเมียศรเพชร ศรสุพรรณ จนกลายเป็นข่าวลือว่าครูเทียมแอบตีท้ายครัวศรเพชร แต่หลังจากนั้นไม่นาน เมื่อครูเทียมเดินทางไปเป็นครูสอนเต้นที่เชียงใหม่ ครูเทียมก็ได้ปลดล็อกตัวเองว่าเป็น LGBTQ+ อย่างเต็มตัว
ด้วยความสามารถในการจัดโชว์เต้นของครูเทียมทำให้ได้ร่วมงานกับ แม่ผึ้ง พุ่มพวง ดวงจันทร์ เป็นเวลา 1 ปีเต็ม ๆ โดยครูเทียมนั้นเป็นคนจัดโชว์ให้กับแม่ผึ้งคนสุดท้าย หลังจากที่แม่ผึ้งเสียชีวิตครูเทียมก็ไม่ร่วมงานกับใครอีกเลยเป็นระยะเวลานาน กระทั่งได้มาทำบริษัทเพลง และต้องดูแลนักร้อง ซึ่งก็มีลูกศิษย์หลายคนที่เดินหันหลังให้ครูเทียมเมื่อมีชื่อเสียง
ตลอดในช่วงชีวิตการทำงานในวงการลูกทุ่ง ชื่อของ “ครูเทียม” เคยตกเป็นข่าวหลายครั้ง ถึงความฝีปากกล้า วิจารณ์อย่างร้อนแรง อาทิ ปี พ.ศ. 2560 มีการเผยคลิป “ครูเทียม” ออกมาวิจารณ์เหล่าผู้บริหารของโรงเรียนปักธงชัยประชานิรมิต กลางเวทีท่ามกลางคนดูมากมาย หลังไม่พอใจที่นักเรียนไม่ได้รับการสนับสนุนไปทำการแข่งขันดนตรี จนต้องนั่งรถกระบะไปกัน ทั้งที่โรงเรียนมีฝีมือเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศ และยังพาดพิงถึงวงอื่นที่เล่นงานในตัวเมือง สงสัยว่าทำไมเจ้าของงานไม่จ้างโรงเรียนปักธงชัยประชานิรมิต แต่กลับไปจ้างวงดนตรีกระจอกงอกง่อยแทน
เดือนธันวาคม ปี 2564 ครูเทียมถูกวิจารณ์ขึ้นอีกครั้ง หลังคอมเมนต์การแสดงของวงตักสิลานคร จาก จ.มหาสารคาม ว่าการแสดง การคัดเลือกตัวแสดงไม่เข้ากัน โดยเฉพาะนางไหและตัวกั๊บแก๊บคู่กันว่า นางไหหรือนางโอ่ง จนถูกผู้คนวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นครูบาอาจารย์แต่ทำไมแสดงความคิดเห็นที่ส่อไปในแนวการเหยียดหยามรูปร่างของผู้อื่น จนมีการติด แฮชแท็ก #เซฟนางไหตักสิลานคร โดยภายหลังครูเทียม ได้ออกมาตอบดราม่าที่เกิดขึ้นว่า ได้ขอโทษนางไหแล้ว ไม่ได้เจตนาจะว่าอะไรน้องเลย แค่หยอกเท่านั้น
ซึ่งดราม่านี้ทำให้มีคนขุดคลิปในอดีตเมื่อ 10 ปีที่แล้ว มาลงในแอพพลิเคชั่นดัง tiktok ซึ่งเป็นคลิปที่ครูเทียมก็เคยวิจารณ์ นักร้องสาว “จ๊ะ นงผณี มหาดไทย” ซึ่งตอนนั้นเป็นสมัยที่เพลงคันหู กำลังโด่งดัง ด้วยถ้อยคำที่รุนแรงเช่นเดียวกัน จนจ๊ะถึงกับหน้าเสีย ซึ่งเรื่องดังกล่าวนั้น ทางด้านสาวจ๊ะ ได้บอกว่า “อะไรผ่านมาแล้วก็ผ่านไป เรื่องนี้ผ่านมา 10 กว่าปีแล้ว มันนานมากและที่สำคัญ ณ ตอนนั้น จ๊ะก็ควรโดนด่าจริงๆ จ๊ะเต้นแรง จ๊ะก็โดนด่าแรง ครูวิจารณ์แรง ครูก็โดนวิจารณ์แรงกลับ มันคือกรรมใครกรรมมัน เราทำอะไรไว้ ก็ต้องยอมรับในสิ่งที่จะตามมาให้ได้”…
และข่าวฉาวที่เกิดขึ้นล่าสุด เมื่อวันที่ 3 ม.ค. 2566 ชื่อของ “ครูเทียม” ได้กลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้ง หลังเมื่อวันที่ 20 ก.ย. 2565 ผู้ปกครองพาบุตรชาย อายุ 16 ปี เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.จักราช ว่าถูก “นายชุติเดช ทองอยู่ หรือครูเทียม” พาไปกระทำอนาจารในห้องพักพื้นที่ ต.ยายแย้มวัฒนา อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ จนถูกดำเนินคดีถึง 3 ข้อหาด้วยกัน..
นอกจากนี้ ยังพบข้อมูลว่า เมื่อปี พ.ศ. 2557 “ครูเทียม” เคยออกมาชี้แจงถึงเรื่องการเปิดค่ายเพลงเพื่อหวังกินเด็ก ผ่านรายการ “คนดังนั่งเคลียร์” ดำเนินรายการโดย อ.ยิ่งศักดิ์ จงเลิศเจษฎาวงศ์ เอาไว้ว่า ได้เข้าบริหารเพียง 1 ปี เป็นช่วงสุดท้ายของบริษัททำเพลงลูกทุ่ง เปิดตัวศิลปินในค่ายอย่างฮือฮามาก ซึ่งหลายๆคนจะบอกว่าเรากินเด็กหล่อๆ แต่เราต้องเอาน้องๆที่หน้าตาดีมาเพื่อเปิดตัวให้มีเสน่ห์จากหน้าก่อน ก็อยากจะปั้นนักร้องผู้หญิงแต่มันยุ่งยากกว่าการปั้นผู้ชายมาก และอันที่จริงเราอยู่ใกล้เด็กๆในบริษัทแต่ละคนมากๆ เราจะเหม็นหน้ากันเอง แล้วกินไม่ลงหรอก
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก คุยแซ่บShow , คนดังนั่งเคลียร์