เบนซ์-มิค เล่านาทีแม่เกิดอุบัติเหตุ เจ็บสาหัส ห่วงสภาพจิตใจ โร่พาพบจิตแพทย์ ยันไม่ได้เรียกร้องเอาเงิน แค่อยากให้เป็นอุทาหรณ์ ห้างขอโทษ-พร้อมเยียวยา
หลังจากที่ดาราสาว เบนซ์ พรชิตา ตัดสินใจโพสต์เรื่องราวสุดช็อกของคุณแม่ขณะเกิดอุบัติเหตุในห้างแห่งหนึ่งใกล้บ้าน ทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสที่ศีรษะ เย็บ 4 เข็ม มีแผลฟกช้ำตามร่างกายหลายจุด ต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล 3 วัน จนถึงวันนี้ยังเจ็บอยู่ โดยยังไม่ได้รับการเยียวยาจากทางห้าง เหมือนรอผู้บาดเจ็บแต่ละคนจะใช้กฎหมายหรือเอาเรื่องกับทางห้างขนาดไหนถึงจะยอมออกมาดูแล ตามที่เสนอข่าวไปแล้ว
ล่าสุดวันที่ 14 ธ.ค. เบนซ์ พรชิตา และ มิค บรมวุฒิ สามี เดินทางมาร่วมงานเปิด LEGO Store สาขาใหม่ล่าสุด ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว หลังจบกิจกรรมทั้งคู่ได้เปิดใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมอัพเดตอาการบาดเจ็บของคุณแม่ รวมถึงความคืบหน้าจากทางห้าง
อาการของคุณแม่ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง? เบนซ์ – “จริงๆ แม่หายแล้ว หมายถึงแผลที่เย็บกับรอยเขียวช้ำต่างๆ แต่หลังจากที่ล้มไปแล้วเหมือนขาของคุณแม่ยังเดินไม่ค่อยโอเค ความที่ก่อนหน้านี้คุณแม่เป็นคนคล่องแคล่ว กลายเป็นทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ ทำให้ตัวเขารู้สึกแย่ หงุดหงิด และร้องไห้”
มิค – “คุณแม่สภาพจิตใจไม่ค่อยดีถึงขั้นที่เราต้องพาไปหาจิตแพทย์เพื่อปรึกษาเลย จากคนที่เป็นเหมือนที่พึ่งของครอบครัวทุกคน แต่ตอนนี้เหมือนเขาทำอะไรได้ไม่ถนัด วันก่อนพาไปกายภาพมาเหมือนจะดีขึ้นหน่อย แต่คุณหมอก็บอกว่ายังต้องกลับมาอีกหลายครั้ง
ต้องบอกว่าเหมือนสภาพจิตใจกับร่างกายเขามากกว่าที่กลับมาไม่เหมือนเดิม แต่แผลหายแล้ว แล้วตอนนี้แค่ขึ้นบันไดเลื่อนคุณแม่ก็หลอน คิดว่าคงยังไม่กล้าไปซื้อของอีกแล้ว อีกอย่างทุกคนที่รู้จักคุณแม่ก็จะรู้ว่าเป็นคนด่าไฟแลบ แต่ทุกวันนี้คือสลดมาก”
ถือเป็นอุบัติเหตุครั้งใหญ่ที่สุดของคุณแม่เลยไหม? เบนซ์ – “ตอนที่คุณแม่ผ่าหลังมันใหญ่กว่า แต่มันไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่ครั้งนี้เป็นครั้งที่มีเอฟเฟ็กต์กับสภาพจิตใจและร่างกายเขามากที่สุด ล่าสุดทางห้างได้ติดต่อกลับมาหลังจากที่ลงไอจีไป แต่ครั้งนี้ก็จะเป็นผู้ใหญ่อีกระดับหนึ่งขึ้นมา ไม่ใช่ผู้จัดการสาขาคนเดิม
ซึ่งเขาโทรมาบอกว่าอยากจะขอโทษจริงๆ อยากจะมาเคลียร์ รวมถึงจะพยายามดูแลให้ดีที่สุด อยากได้อะไรเดี๋ยวเราคุยกันดีไหม แต่ว่าเบนซ์ก็ยังไม่ได้คุยอาจจะต้องรออีกสักแป๊บหนึ่งเพราะว่าตอนนี้ป่วยกันทั้งบ้านเลยค่อนข้างเกรงใจเขา คาดว่าอาทิตย์หน้าน่าจะได้ไปคุยกันจริงจัง”
“อย่างที่เบนซ์ลงไปไม่ได้คิดว่าจะต้องไปเรียกร้องเอาเงินอะไร ผ่านไปสักพักหนึ่งเริ่มคิดว่าเอ๊ะ! หรือฉันควรจะต้องเรียกดีเพราะทางคนที่คุยคนแรกเงียบไปนาน ทีแรกก็เข้าใจว่าคงเป็นบริษัทใหญ่ต้องมีขั้นตอนในการทำอะไร แต่มันก็ไม่น่าจะนานขนาดนี้ไหม เขาอาจจะลืมเราแล้วหรือเปล่า เลยต้องกระตุ้นนิดหนึ่ง
แต่จริงๆ แล้วสิ่งที่เบนซ์ลงเพราะคุณแม่พูดขึ้นมาว่าถ้าวันนั้นลูกแกอยู่ข้างหน้า แล้วรถมันทับหัวลูกแก แกจะทำยังไง เราเข้าใจว่าอุบัติเหตุมันเกิดขึ้นได้แต่ถ้ามันไม่เกิดก็จะดีที่สุด อย่างน้อยเราก็อยากกระตุ้นให้ทุกห้างที่มีรถเข็นดูแลอุปกรณ์ของตัวเองให้มันโอเค”
มิค – “คือแค่ขอให้เช็กระบบให้มันดี แล้วก็มีวิธีในการดูแลลูกค้าของคุณทันทีที่มันเกิดอุบัติเหตุ หลังจากที่เราโพสต์ไปมีนักกฎหมายหลายคนส่งมาบอกว่าส่วนใหญ่แล้วห้างจะมีทำประกันเพื่อดูแลผู้บริโภคอยู่แล้ว จริงๆ มันไม่ควรจะนานขนาดนี้ ควรจะจบตั้งแต่สองสามวันแรกเลย แต่อันนี้เราก็รอมา 2 เดือนครึ่ง เลยรู้สึกว่ามันนานไป
แต่เราไม่ได้โทษองค์กรนะ คิดว่าน่าจะเป็นที่บุคคลหนึ่งที่ผิดพลาดแล้วก็ลืม เขาเองก็พูดด้วยว่าเพิ่งมารับหน้าที่ไม่นาน แต่เราก็รู้สึกว่าถ้าคุณมารับหน้าที่ในตำแหน่งที่เป็นผู้จัดการสาขาแล้ว วัยวุฒิและคุณวุฒิของคุณก็ควรจะมีมากพอสำหรับสิ่งที่คุณควรจะทำ ไม่ใช่แค่กับเรา แต่ควรจะทำกับทุกคนที่เจออุบัติเหตุแบบนี้
แต่เชื่อว่าหลังจากเมื่อวานที่ผู้ใหญ่โทรมาคุยคือเอ้า! เขาก็พร้อมรับผิดชอบนี่ แสดงว่ามันเป็นที่บุคคล ไม่ใช่องค์กร ทางผู้ใหญ่บอกว่าบุคคลนั้นเหมือนเคยแจ้งมาครั้งหนึ่ง ซึ่งตัวเขาเข้าใจว่าเรื่องเรียบร้อยแล้ว เหมือนเขาก็ช็อกหน่อยหนึ่งที่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วเรื่องที่บอกว่าจะมีผู้ใหญ่มากจะมาเยี่ยม เมื่อวานพอเราพูดไปเขาก็ยังแบบ…งงว่าเกี่ยวอะไร กลายเป็นว่าบุคคลนั้นเอาอดีตนักการเมืองมาอ้างผมทำไมเหรอ(หัวเราะ)”
คิดว่าถ้าไม่ออกมาโพสต์ เรื่องก็จะเงียบไปใช่ไหม? เบนซ์ – “คิดว่าเงียบ คือโดยปกติเราเป็นคนไม่ชอบทะเลาะกับใคร เพราะจริงๆ แล้วห้างนี้เราเดินมาตั้งแต่เด็กๆ มันอยู่ข้างบ้านไง บ้านเราก็ไปตรงนั้นตลอด ที่ผ่านมาทุกคนดูแลเราดีมาก เพียงแต่แค่วันนั้นมันเกิดอุบัติเหตุ แต่เผอิญว่าหลังจากเกิดแล้วมันไม่มีใครดูแลนึกออกไหม แล้วเราก็ไม่อยากให้มันเป็นอีก อย่างน้อยเราออกมาพูดคนอื่นจะได้ไม่โดนเหมือนเรา”
ตอนที่เห็นสภาพคุณแม่ครั้งแรก? เบนซ์ – “ตกใจมาก ตอนแรกเขาโทรมาหาเราแล้วพูดไม่รู้เรื่อง คำแรกบอกว่าแม่ออกมาซื้อของแล้วตอนนี้หัวแตกเลือดออกหมดเลย อย่าโกรธนะ กลัวเราดุเพราะว่าคุณแม่เพิ่งไปทำบอลลูนมาแล้วไม่อยากให้ไปล้ม
เพราะคุณหมอพูดว่าอย่ามีแผลนะ เดี๋ยวเลือดมันจะออกเยอะ ตอนนั้นเราก็เลยบอกให้เขาใจเย็นๆ และขอคุยกับคนข้างๆ แทน เราถึงได้ทราบรายละเอียดว่าเหตุการณ์เป็นยังไง ภาพที่เราคิดไว้คิดว่าเบากว่านี้ แต่พอเห็นจริงๆ แล้วเยอะเหมือนกัน สงสารอ่ะ”