ยะลา สภ.เบตง ยกระดับรักษาความปลอดภัยสูงสุด ตรวจสอบ รถจยย. รถยนต์ ติดต่อสถานที่ราชการ ส่วนฝ่ายปกครองตระเวนชายแดน 24 ชม. ป้องกันการลักลอบเข้ามาก่อเหตุ
23 พ.ย. 65 – ภายหลังเกิดเหตุคาร์บอมบ์ แฟลตตำรวจ สภ.เมืองนราธิวาส 22 พ.ย. 65 ที่ผ่านมา จนทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต 1 นาย มีผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมด 37 ราย บาดเจ็บสาหัส 2 ราย
สำหรับในพื้นที่ อ.เบตง จ.ยะลา พ.ต.อ.เอกชัย พราหมณกุล ผกก.สภ.เบตง ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด ยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยสูงสุด ตรวจสอบบุคคล และยานพาหนะที่ เข้า-ออก เมืองเบตง ตลอด 24 ชั่วโมง
พร้อมเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบ รถจักรยานยนต์ รถยนต์ อย่างละเอียด รวมถึงบุคคลที่มีสัมภาระที่น่าสงสัย ก่อนที่จะเข้าไปติดต่อสถานราชการ สภ.เบตง หรือ ที่บ้านพัก แฟลตตำรวจ ของ สภ.เบตง และขอความร่วมมือเปิดเบาะรถจักรยานยนต์ และแขวนหมวกกันน็อกทุกครั้ง จอดรถในจุดที่กำหนด ก่อนจะมาติดต่อราชการ
นอกจากนี้ยังได้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจและรถของหน่วยงานราชการทุกคัน ก่อนที่จะขับเข้าไปจอดใน สภ.เบตง. รวมถึง แฟลตตำรวจ และบ้านพักของเจ้าหน้าที่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้ายซ้ำรอยขึ้นมาอีก
ขณะที่หน่วยกำลัง ฝ่ายปกครอง อส. ชรบ. ได้ตั้งด่านตรวจสอบพาหนะทุกชนิดที่เข้า-ออก รอยต่อเมืองเบตงและรักษาความปลอดภัย ครู นักเรียน บริเวนหน้าโรงเรียน และ าดตระเวนรอยต่อประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อป้องกันกลุ่มคนร้ายลักลอบเข้ามาก่อเหตุในเขตเมือง
อีกทั้งขอความร่วมมือ พี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยว ร่วมกันเป็นหูเป็นตา สอดส่องดูแลบุคคลและวัตถุต้องสงสัย ป้องกันผู้ก่อความไม่สงบเข้ามาก่อเหตุการณ์รุนแรงในพื้นที่
เนื่องจาก อ.เบตง จ.ยะลา นั้น เป็นพื้นที่การพัฒนาเศรษฐกิจในจังหวัดชายแดนภาคใต้ แม้จะไม่มีเหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้น แต่เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายได้บูรณาการเฝ้าระวังป้องกันการก่อเหตุอย่างต่อเนื่อง จึงขอให้ทุกหน่วยยกระดับระวังป้องกันสูงสุด ขอให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง ไม่ประมาท และปลอดภัย
สำหรับประชาชนและนักท่องเที่ยวหากพบเห็นสิ่งผิดปกติ บุคคลต้องสงสัย หรือรถต้องสงสัย สามารถแจ้งได้ที่ สายด่วน 191 หรือ 1341 ตลอด 24 ชั่วโมง
ด้าน น.ส.นูเรีย อาแว ประชาชนชาวอำเภอเบตง กล่าวว่า ตนขอแสดงความเสียใจ ต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต พร้อมเป็นกำลังใจให้ผู้บาดเจ็บ และครอบครัวทุกคน ขอทุกคนเข้มแข็ง ขอทุกคนช่วยกันเติมเต็มกำลังใจ ก้าวผ่านเหตุการณ์ครั้งนี้ไปให้ได้ ซึ่งการก่อเหตุรุนแรงไม่ได้ส่งผลดีต่อใครเลย มีแต่ความสูญเสียเกิดขึ้น
พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้บ้านเราเพิ่งจะเริ่มฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด19 นักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ เริ่มหลั่งไหลเข้ามาเที่ยว เศรษฐกิจกำลังเติบโต พี่น้องประชาชนกำลังกลับมามีรายได้ พอมีเหตุความรุนแรง ส่งผลต่อต่อภาคธุรกิจและการท่องเที่ยว คนทำมาค้าขายก็ลำบาก สิ่งที่เราในฐานะประชาชนจะทำได้ก็คือ ต้องช่วยกันทำหน้าที่เป็นหูเป็นตาดูแลพื้นที่ ช่วยเจ้าหน้าที่อีกทางหนึ่งด้วย