ลูกชายวัย 15 สังหารหมู่ครอบครัวตัวเอง 5 ศพ โยนความผิดให้น้องชายวัย 13 ที่ตายไปแล้ว สุดท้ายน้องสาววัย 11 รอดมาเฉลยความจริง

(25 ต.ค.67) มือปืนวัย 15 ปี ในเมืองฟอลล์ซิตี วอชิงตัว ก่อเหตุ “สังหารหมู่ครอบครัว” พยายามโยนความผิดให้กับน้องชายที่เสียชีวิต

วัยรุ่นผู้ต้องสงสัยเพิ่งประสบปัญหาหลังจากสอบตกที่โรงเรียน เขาถูกกล่าวหาว่านำปืนพกของพ่อออกจากกล่องล็อกและใช้มันในการสังหารหมู่ครอบครัว โดยผู้ที่ให้การเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คือน้องสาวของเขาวัย 11 ปี ที่รอดชีวิต

ตำรวจเดินทางไปที่บ้านในเมืองฟอลล์ซิตี รัฐวอชิงตัน พบว่าครอบครัวฮิวมิสตันถูกสังหารทั้งหมด สำนักงานตรวจสอบทางการแพทย์ของเขตคิงระบุผู้เสียชีวิตคือ ซาร่าห์ อายุ 42 ปี มาร์ค อายุ 43 ปี และลูกๆ ของพวกเขาคือ แคเธอรีน อายุ 7 ปี โจชัว อายุ 9 ปี และเบนจามิน อายุ 13 ปี

มีเพียงสองคนที่รอดชีวิต คือ ผู้ต้องสงสัยและน้องสาวอายุ 11 ปี ซึ่งถูกยิงสองครั้ง เด็กชายถูกตั้งข้อหาฆาตกรรม 5 กระทง ภายใต้กฎหมายของรัฐวอชิงตัน จำเป็นต้องมีการพิจารณาคดีเพื่อพิจารณาว่าจะย้ายคดีไปยังศาลเยาวชนหรือไม่

ตามรายงานของตำรวจ ผู้ต้องหาได้พยายามโยนความผิดให้กับน้องชายของเขาที่เสียชีวิต แต่ในที่สุดน้องสาววัย 11 ปี ที่สามารถหนีออกมาและแจ้งเจ้าหน้าที่ว่าใครเป็นผู้ต้องสงสัยก่อเหตุยิง

น้องสาววัย 11 ปีซึ่งรอดชีวิตจากเหตุยิงเมื่อวันจันทร์บอกกับเจ้าหน้าที่สอบสวนว่า ผู้ต้องหาเคยมีปัญหาเมื่อเร็ว ๆ นี้เนื่องจากสอบตกที่โรงเรียน และปืนพกที่ใช้ในการก่อเหตุเป็นของพ่อเธอเอง ในบรรดาลูกๆ ทั้งหมด เธอกล่าวว่า เขาเป็นคนเดียวที่รู้รหัสกล่องล็อกที่พ่อเก็บปืนไว้

ตามคำให้การของนักสืบแอรอน ทอมป์สันจากสำนักงานนายอำเภอเขตคิง ผู้ต้องหาโทรแจ้ง 911 เวลาประมาณตี 5 ของวันจันทร์เพื่อรายงานว่าน้องชายวัย 13 ปี ได้ยิงและฆ่าคนในครอบครัวที่บ้านในเมืองฟอลล์ซิตี เนื่องจากเขาถูกลงโทษหลังจากถูกจับได้ว่าดูสื่อลามก

ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น เพื่อนบ้านได้โทรแจ้ง 911 ว่าเด็กหญิงวัย 11 ปีซึ่งได้รับบาดเจ็บได้มาที่บ้านของเขา และบอกว่าครอบครัวของเธอถูกพี่ชายวัย 15 ปียิง และเธอแกล้งทำเป็นตายก่อนที่จะหนีออกมา ตามที่ระบุไว้ในคำให้การ

เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึง พวกเขาได้ควบคุมตัวเด็กชายวัย 15 ปีที่บริเวณถนนเข้าบ้าน และพบร่างผู้เสียชีวิตอยู่ภายใน เด็กหญิงวัย 11 ปีได้รับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลในซีแอตเทิล และได้รับอนุญาตให้กลับบ้านแล้ว 

คำให้การของผู้รอดชีวิต

เด็กหญิงวัย 11 ปีกล่าวว่าเธอตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงปืน เมื่อเธอมองออกไปนอกประตูห้องนอน เธอเห็นพ่อของเธอมีเลือดอยู่ที่ศีรษะ และน้องชายวัย 9 ปีมีเลือดในปาก ทั้งคู่ล้มอยู่บนพื้นทางเดิน

เมื่อแคเธอรีนน้องสาววัย 7 ปีเดินออกมาจากห้องนอนที่พวกเธอใช้ร่วมกัน เด็กหญิงได้ยินเสียงปืนอีกนัด ก่อนที่น้องสาวจะล้มลงกับพื้น

เธอบอกกับเจ้าหน้าที่สอบสวนว่าผู้ก่อเหตุได้เดินเข้ามาในห้องนอนของเธอและยิงปืนใส่เธอหนึ่งถึงสองนัด ถูกที่มือและคอของเธอ แม้จะเจ็บปวดจากกระสุนปืน เด็กหญิงก็จำได้ว่าปืนที่ใช้เป็นปืนพกสีเงินของพ่อเธอ ซึ่งตามที่ระบุในเอกสารศาล เธอยังจำได้ว่าใครเป็นผู้ก่อเหตุ นั่นก็คือพี่ชายวัย 15 ปีของเธอเอง

เด็กหญิงวัย 11 ปีเล่าว่าเธอเห็นพี่ชายเดินไปดูร่างของสมาชิกครอบครัวคนอื่นๆ เพื่อดูว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ และเธอแกล้งทำเป็นตายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเตียงของเธอ แม่ของพวกเขาและน้องชายวัย 13 ปีของพวกเขา ถูกยิงเสียชีวิตในจุดอื่นของบ้านตามรายงานของเจ้าหน้าที่

เด็กหญิงบอกกับเจ้าหน้าที่สอบสวนว่าเธอหนีออกมาผ่าน “หน้าต่างหนีไฟ” ในห้องของเธอหลังจากที่พี่ชายออกจากห้องไปและเธอได้ยินเขาคุยโทรศัพท์ เธอวิ่งไปที่บ้านของเพื่อนบ้านที่ได้โทรแจ้ง 911 เมื่อเวลาประมาณ 5 โมงเช้า เพื่อรายงานเหตุยิงและระบุว่าผู้ก่อเหตุคือพี่ชายวัย 15 ปี

ก่อนหน้านั้น 7 นาที วัยรุ่นวัย 15 ปีได้โทรขอความช่วยเหลือเอง โดยเสียงหายใจของเขาดูเหนื่อยล้าและอ้างว่าเขาหลบอยู่ในห้องน้ำ เขาบอกเจ้าหน้าที่ 911 ว่าน้องชายวัย 13 ปีได้ฆ่าครอบครัวของพวกเขาและฆ่าตัวตาย โดยอ้างว่าน้องชายถูกจับได้ว่าดูสื่อลามกในคืนก่อนและกำลังจะถูกลงโทษหนัก ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของการยิง

วัยรุ่นวัย 15 ปีถูกควบคุมตัวเมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงบ้าน และในวันพฤหัสบดี เขาถูกตั้งข้อหาในศาลเยาวชนในคดีฆาตกรรม 5 กระทง และคดีพยายามฆ่าพร้อมข้อหาใช้อาวุธปืนอีกหนึ่งกระทงตามเอกสารศาล ซีเอ็นเอ็นไม่ได้ระบุชื่อวัยรุ่นเนื่องจากเขายังเป็นเยาวชน

“ขอเตือนทุกคนว่านี่เป็นเพียงข้อกล่าวหา ยังไม่มีการพิสูจน์ และกฎหมายยังคงถือว่าลูกความของเราเป็นผู้บริสุทธิ์ในข้อกล่าวหานี้” เอมี พาร์กเกอร์ ทนายฝ่ายจำเลยของวัยรุ่นกล่าวกับซีเอ็นเอ็น “เราอยากให้ศาลทราบว่าลูกความของเราเป็นเด็กชายอายุ 15 ปี ที่ชอบขี่จักรยานเสือภูเขาและตกปลา และไม่มีประวัติอาชญากรรม”

เจ้าหน้าที่สืบสวนเชื่อว่าวัยรุ่นคนนี้ได้ “สังหาร” พ่อแม่ของเขา พี่น้องสองคน และน้องสาวคนหนึ่ง พยายามฆ่าน้องสาววัย 11 ปี และ “จัดฉาก” สถานที่เกิดเหตุ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะมาถึงตามเอกสารศาล