ใกล้เข้าหน้าฝนกันแล้ว และยิ่งในช่วงนี้มีพายุฤดูร้อนพัดผ่านประเทศไทย ส่งผลให้หลายจังหวัดมีน้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมหนัก วันนี้ ไบรท์ทีวี (Btight TV) ได้นำบทความของ กรมการขนส่ง เกี่ยวกับเรื่องการใช้รถ ใช้ถนนขณะฝนตก น้ำท่วม อุบัติเหตุเกิดได้ทุกที่โดยเฉพาะการขับรถฝ่าฝน การขับรถบนท้องถนนที่เราจะต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมากเพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่สามารถเกิดขึ้นได้ ดังนั้นเพื่อการขับรถขณะฝนตกที่ปลอดภัยป้องกันอุบัติเหตุในช่วงหน้าฝน จึงจำเป็นที่ทุก ๆ คน จะต้องมี ข้อควรระวัง ขับรถขณะฝนตกง่าย ๆ เพื่อความปลอดภัยบนท้องถนน ดังนี้
- ความเร็วในการขับขี่ เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงในช่วงฤดูฝน เราควรที่จะรักษาความเร็วในการขับขี่ อยู่ที่ประมาณ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพราะเป็นความเร็วที่เราจะสามารถควบคุมรถไม่ให้ลื่นไถล ขณะฝนตก
- การรักษาระยะห่างจากรถคันหน้า เมื่อฝนตก น้ำฝนที่ตกกระทบพื้นถนนจะไปชะล้างคราบดิน โคลน หรือคราบน้ำมันที่อยู่บนถนน จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ถนนลื่น ดังนั้นจึงควรเว้นระยะห่างจากรถคันหน้ามากกว่าระยะห่างปกติอย่างน้อย 2 เท่า
- เปิดไฟหน้าหรี่หรือไฟต่ำ ไม่ควรเปิดไฟหน้าสูง จะทำให้แสงไฟแยงตารถที่ขับสวนทางมา ทำให้สายตาพร่ามัว อาจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ห้ามเปิดไฟฉุกเฉิน
- เปิดที่ปัดน้ำฝน
– หากฝนตกปรอย ๆ หรือไม่หนักมาก เลือกใช้ที่ปัดน้ำฝนแบบครั้งเดียวหรือปัดสองครั้ง
– หากฝนตกหนัก อาจจะต้องใช้ที่ปัดน้ำฝนแบบอัตโนมัติอยู่ตลอดเวลา เพื่อเพิ่มทัศนวิสัยในการมองเส้นทาง - ป้องกันการเกิดฝ้าที่กระจก
– ลดกระจกลงเล็กน้อย เพื่อให้อากาศเกิดการถ่ายเททำให้ฝ้าจางลง
– ปรับอุณหภูมิแอร์ภายในรถ เพื่อให้อากาศภายในและภายนอกรถเท่ากัน
– ปรับทิศทางแอร์ไม่ให้หันไปโดนที่กระจกรถ
เทคนิคขับขี่มอเตอร์ไซค์ตอนฝนตกให้ปลอดภัย
ขึ้นชื่อว่าฤดูฝนนักบิดทุกคนย่อมไม่ชอบ เพราะฝนไม่เพียงแต่จะบดบังทัศนวิสัยในการขับขี่ แต่ยังทำให้สภาพพื้นถนนเปลี่ยนไปส่งผลต่อประสิทธิภาพการขับขี่และความปลอดภัย แต่ในเมื่อเราไม่สามารถคาดเดาสภาพอากาศได้ว่าฝนจะตกลงมาเมื่อไร โดยเฉพาะในช่วงที่ฝนฟ้าไม่เป็นใจแบบนี้ จึงมีวิธีรับมือมาบอกกัน
- ตรวจเช็กความพร้อมของมอเตอร์ไซค์อย่างสม่ำเสมอ ยาง เบรก ของเหลว ระบบไฟ และอุปกรณ์อื่น ๆ ควรอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน หากพบความผิดปกติให้รีบเปลี่ยนทันที
- เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม
– หมวกกันน็อก (หมวกกันน็อค)ควรเลือกหมวกที่มี windshield แบบปิดหน้าเพื่อการฝนสาดเข้าใบหน้าและดวงตาเวลาขับขี่
– เสื้อกันฝน จำเป็นต้องมีเพื่อป้องกันไม่ให้เสื้อผ้าเปียกน้ำ เพราะเมื่อเสื้อผ้าเปียกแล้วฝืนขับ อาจทำให้ร่างกายหนาวเย็นส่งผลให้การตอบสนองในการขับขี่ช้าลง
– แผ่นพลาสติกกันน้ำ เชือกรัดของ เอาไว้ป้องกันสัมภาระไม่ให้เปียกน้ำ - เทคนิคการขับมอเตอร์ไซค์หน้าฝน
– ลดความเร็วในการขับจะช่วยลดอาการลื่นไถลได้มากขึ้น
– เพิ่มระยะห่างระหว่างมอเตอร์ไซค์ของเรากับรถคันหน้าเพื่อป้องกันอุบัติเหตุฉุกเฉิน
– เผื่อระยะการเบรกให้มากขึ้นเนื่องจากถนนเปียกทำให้ประสิทธิภาพในการเกาะถนนลดลง
– หลีกเลี่ยงแอ่งน้ำทั้งเล็กและใหญ่ ไม่แน่ว่าน้ำในแอ่งนั้น เป็นเพียงน้ำเกาะผิวถนนหรือเป็นหลุมเป็นบ่อ แอ่งน้ำเล็ก ๆ อาจทำให้รถมีอาการเหินน้ำได้ ส่วนหลุมน้ำขังอาจทำให้รถเสียหลักได้เช่นกัน
– ห้ามเบรกรถอย่างกะทันหันเด็ดขาด และใช้วิธีผ่อนคันเร่งเพื่อชะลอความเร็วของมอเตอร์ไซค์แทนการเบรกทันที แล้วค่อยๆ แตะเบรก
– ถ้าฝนหนัก ให้หาจุดแวะพักและหยุดขับทันที
ทำอย่างไรดี ? รถดับกลางน้ำท่วม
- ห้ามสตาร์ทรถเด็ดขาด ป้องกันน้ำเข้าเครื่องยนต์ จะยิ่งทำให้รถเสียหายเพิ่มขึ้น หรือเกิดไฟฟ้าลัดวงจรขึ้นได้ ให้ตั้งสติ บิดกุญแจดับเครื่อง
- เปิดสัญญาณไฟฉุกเฉิน เตือนรถคันอื่นให้หลีกเลี่ยง รับรู้ว่ารถเรากำลังเกิดปัญหา ช่วยป้องกันการเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน
- ออกจากรถ ขอความช่วยเหลือ ติดต่อบริษัทประกัน ศูนย์บริการ รถยก-รถลาก ที่ช่วยนำรถออกจากบริเวณน้ำท่วมได้ หรือเข็นรถหนีน้ำไปที่แห้ง
- เปิดฝากระโปรงหน้ารถ ตรวจสอบเบื้องต้น เมื่อเคลื่อนย้ายรถหนีน้ำได้แล้ว ถอดขั้วแบตเตอรี่ออกเพื่อตัดระบบจ่ายไฟ แล้วเปิดดูไส้กรองอากาศมีน้ำเข้าหรือไม่ หากไส้กรองอากาศแห้ง สาเหตุที่รถดับอาจมาจากระบบไฟฟ้าช็อต เปียกน้ำ หากไม่มั่นใจ ไม่รู้จักชิ้นส่วนต่างๆ ให้นำรถเข้าศูนย์บริการจะดีที่สุด
- รีบนำรถเข้าศูนย์บริการ/อู่ซ่อมรถ อย่าปล่อยรถทิ้งไว้ ให้ช่างตรวจสอบหาสาเหตุ หาความเสียหาย หากมีอุปกรณ์ส่วนใดชำรุด จะได้ทำการแก้ไขทันที
ขับรถลุยน้ำ ไม่ให้รถดับ-เครื่องพัง
ชวนมาดู 6 เทคนิค รถเราต้องรอด จากสถานการณ์ฝนตกน้ำท่วมในหลายพื้นที่ ผู้ขับรถทุกคนต้องเตรียมพร้อม หากจำเป็นต้องขับรถลุยน้ำ ให้รถไม่ดับเครื่องไม่พัง
- ปิดแอร์ เมื่อเจอน้ำท่วมขัง เพราะหากน้ำท่วมถึงตัวพัดลม พัดตีน้ำขึ้นมาโดนบริเวณห้องไฟฟ้าอาจช็อตและทำให้เครื่องยนต์ดับได้
- รักษาระยะห่างจากรถคันอื่น เพราะระบบเบรกที่แช่น้ำนานๆ ทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานต่ำลง
- ลดความเร็ว และรักษาความเร็วให้คงที่ ห้ามจอดและไม่ควรอยู่ใกล้รถคันอื่น
- ใช้เกียร์ต่ำ เพื่อประคองเครื่องยนต์ไม่ให้ดับ หากเป็นรถยนต์เกียร์ออโต้ให้ใช้เกียร์ L รถยนต์เกียร์ธรรมดาให้ใช้เกียร์ 1 หรือ 2
- เมื่อขับพ้นน้ำท่วม เหยียบเบรกย้ำๆ เพื่อไล่น้ำออกจากผ้าเบรก
- ถึงที่หมาย อย่าเพิ่งดับเครื่องทันที ให้ติดเครื่องยนต์ไว้สักพัก เพื่อไล่น้ำและความชื้นที่ค้างอยู่ตามเครื่องยนต์
ขับรถหน้าฝนเป็นประจำทุกวัน อยู่ในพื้นที่เสี่ยง มีประวัติน้ำท่วม จดจำ 6 เทคนิค รถต้องรอด ขับลุยได้สบายใจเครื่องไม่ดับ รถไม่พัง ถึงที่หมายปลอดภัยแน่นอน
ที่มา กรมการขนส่งทางบก