หวั่นส้มหยุดยก 2 หลังข้อสรุปการประชุมวิป3ฝ่าย ทั้ง สว. สส. ที่มี “วันนอร์” นั่งหัวโต๊ะ ออกมาทำนอง “ค่อยว่ากันที่หน้างาน” ถูกมองฉากหน้างาน “พิธา-ก้าวไกล” อาจถูกทิ้งโดดเดี่ยวกลางสภาฯ

สำนักข่าวไอเอ็นเอ็น วิเคราะห์กระบวนการโหวตนายกฯ ครั้งที่ 2 วันที่ 19 กรกฎาคม 2566 ที่ “ส.ว.” โจทย์เก่าที่เป็นตัวแปรสำคัญ ให้ “พิธา” ตกสวรรค์ไม่ผ่านด่าน 376 ตั้งแต่ยกแรก ที่หนนี้ตั้งแท่นจะใช้ข้อบังคับที่ 41 สกัดการเสนอชื่อซ้ำในรอบ 2 ไม่ได้โดยเตรียมที่จะขอใช้เสียงสภาโหวตสกัดหากมีการเสนอชื่อพิธาอีกรอบ ไม่นับรวมกับที่มีรายงานข่าวว่า ส.ว.อาจมีการ “วอล์คเอาท์” หาก ปธ.วันนอร์ ใช้ดุลพินิจยืนยันกับการเสนอชื่อพิธารอบ 2

โดยถูกมองเช่นกันถึงความเด่นชัดในทิศทางสอดคล้อง ภาพการเคลื่อนตัวออกมาสื่อสารตอบโต้กับข้อเสนอ 2 สมรภูมิ ของ “พิธา-ก้าวไกล” หลายรอบ ของทั้ง ภูมิธรรม และ หมอชลน่าน จากพรรคเพื่อไทย ตั้งแต่ห้วงวันหยุดจนถึงวันนี้ ไม่นับรวมข้อสรุปการประชุม 8 พรรค ไม่ว่าจะเป็นการ คาดคั้นในกรอบความชัดเจนทั้ง “จำนวนเสียง” ที่หามาเพิ่มที่ควรมากกว่าเดิม 10% หรือราว360 ระยะเวลาในนิยาม “โหวตไปเรื่อยๆ” หรือการคัดค้านการจู่ๆ มาเสนอแก้ ม.272 ปิดสวิชต์ ส.ว. ที่ไม่มีอยู่ใน MOU ที่จะทำให้เสียเรื่องในการไปขอเสียง ส.ว.

ทั้งนี้ ยังไม่นับรวมที่ ภูมิธรรม มีการปูดข้อมูลมีการติดต่อซื้อ “งูเห่า” ก้าวไกล 30 เพื่อไทย 20 ในจังหวะที่ขู่ว่าแนวคิดรัฐบาลเสียงข้างน้อย ชู “ลุงป้อม” เป็นนายกฯ ของฝ่ายรัฐบาลเดิม 188 เสียง ทีจะมาบวกกับ ส.ว.250 ในการโหวตนายกฯ ถูกพูดถึงอีกครั้ง ในการนำมาตอบโต้เกม โหวตพิธาไปเรื่อยๆ

ที่ในประเด็นแคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทย แม้ทั้ง “อุ๊งค์อิ๊งค์-เศรษฐา” จะออกตัวกลางๆ ไม่เร่งเกมเร็ว กับทิศทางการโหวตรอบ 2 ที่ยังยืนยันยังคงสนับสนุนพิธา โดยเฉพาะอุ๊งอิ๊งค์ยังออกตัวว่า “พ่อ” คือนายทักษิณยังรอได้ ที่จะกลับบ้านช้าไปจากวันเกิด 26 ก.ค.ไปอีกเล็กน้อย หรือ นกว่าการเมืองตั้งรัฐบาลจะมีความชัดเจน แต่ก็มีการเตรียมรับมือหากมีการโหวตว่าเป็นญัตติซ้ำ เพื่อไทยก็จะมีการประชุมกรรมการบริหารพรรคซึ่งสำหรับแคนดิเดตนายกฯ ของเพื่อไทย จะมีการเสนอชื่อ “เศรษฐา” เป็นคนแรก ส่วนที่ ส.ว. ตั้งแง่ถ้ายังมีพรรคก้าวไกลจะไม่โหวตให้ แคนดิเดตนายกฯ จากเพื่อไทย ก็ต้องมีการคุยกันในกรรมการบริหารพรรค และ 8 พรรคอีกครั้ง

ประเด็น มีก้าวไกลไม่ได้นายกฯ ไม่ได้เป็นรัฐบาล ถูกนักวิชาการหลายฝ่ายวิเคราะห์ด้วยความกังวลว่า เป็นการวางเหยื่อล่อให้เพื่อไทยตัดสินใจ ข้ามขั้วสลายฝ่ายประชาธิปไตย ในจังหวะ 3 หรือ 4 หลังไปสุดทางกับก้าวไกลในช็อต 2 วันที่ 19 ก.ค. และมีการคุยกันใน 8 พรรค ก้าวไกลยอมให้เพื่อไทยนำเสนอแคนดิเดตนายกฯ ในสมการเดิม 312 หากมีการชิมลางส่ง “เศรษฐา” แล้วปรากฏว่า ส.ว.250 ยังไม่โหวตให้ ก็อาจนำไปสู่การบอกในทีให้ก้าวไกลที่มีเสียง 151 ยอมถอยออกจากสมการไปเป็น “ฝ่ายค้าน” เพื่อให้ประเทศเดินหน้าได้ แม้จะต้องมีการดึงบรรดาพรรคร่วมรัฐบาลเดิมไม่ว่าจะเป็น ภูมิใจไทย-พลังประชารัฐ เข้ามาร่วมรัฐบาลเพื่อทดเสียงที่หายไป

โดยน่าสนใจกับที่ “ไพศาล” อดีตกุนซือลุงป้อม วิเคราะห์ผ่านเฟซบุ๊กว่า จับตา 8 พรรค จะยืนยันเสนอชื่อนายพิธา หรือว่าจะเสนอชื่อนายเศรษฐา แต่คงไม่เสนอชื่อคุณอุ๊งอิ๊งในครั้งนี้แน่ กรณีเสนอชื่อพิธาจะถูกคัดค้าน อ้างว่าขัดกับข้อบังคับสภาที่ไม่ให้เสนอญัตติซ้ำในสมัยเดียวกัน ถ้ามีการคัดค้านก็ต้องโหวต และผลโหวตก็คงไม่ให้เสนอชื่อ! จากนั้นก็จะมีการเข้าชื่อกันร้องต่อประธานสภา เพื่อส่งให้ศาล รธน.วินิจฉัย ก็จะมีปัญหาไปอีกยาว และถ้ามีการเสนอชื่อพิธาไม่ว่าด้วยกรณีใด ก็จะมีการเสนอชื่อลุงป้อมเข้าแข่ง และผลโหวตลุงป้อมก็จะได้เสียงเกิน 376 ได้รับความเห็นชอบเป็นนายกรัฐมนตรี

กรณีที่มีการเสนอชื่อเศรษฐา อาจจะไม่มีการเสนอชื่อแคนดิเดตอื่นแข่งขัน และผลการโหวตก็คงจะไม่ผ่าน เว้นแต่เพื่อไทยจะเชิญภูมิใจไทย หรือ พปชร.เข้าร่วมรัฐบาลได้ ในกรณีนี้เศรษฐาจะได้รับความเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยไม่ต้องพึ่งเสียง ส.ว. หรือมีเสียง ส.ว.จำนวนหนึ่งโหวตสนับสนุนแต่ ถ้าเศรษฐาไม่ผ่าน ก็จะมีการประชุมต่อไปในวันเดียวกันหรือในวันอื่นต่อไป โดยจะมีการเสนอชื่อลุงป้อมเป็นนายกรัฐมนตรี และได้รับความเห็นชอบเกิน 376 เสียง จากนั้นลุงป้อมจะเชิญพรรคต่างๆ มาร่วมจัดตั้งรัฐบาล “ก้าวข้ามความขัดแย้งเดินหน้าประเทศไทย ” ทั้งหมดยังไม่นับรวมที่ศาล รธน.จะประชุมพิจารณาเรื่องสอยพิธาด้วย