หลานสาวคนจริง ยื่นขอลางานทั้งเดือน เพื่อปั่นจักรยานข้ามประเทศ “ไปบ้านเกิดปู่” รวมระยะทางกว่า 1,600 กม.
“ไอรีน” ผู้หญิงอายุ 51 ปี จากสิงคโปร์ ผสมผสานความรักในการปั่นจักรยาน เข้ากับความปรารถนาที่จะให้เกียรติบ้านเกิดของคุณปู่ ตัดสินใจปั่นจักรยานคนเดียวจากสิงคโปร์ไปยังเมืองบากันเซียเปี้ยปี ประเทศอินโดนีเซีย รวมระยะทาง ระยะทาง 1,630 กม. ก่อนเล่าถึงการผจญภัย 3 สัปดาห์ของเธอในปีที่แล้ว ความท้าทายที่เธอเผชิญ และเพื่อนที่ไม่คาดคิดที่ได้พบระหว่างทาง
เธอเป็นนักการศึกษาเด็กปฐมวัยที่มีความหลงใหลในเรื่องการปั่นจักรยานและประวัติศาสตร์อย่างมาก เมื่อปีที่แล้วทำภารกิจปั่นจักรยานข้ามประเทศ เป้าหมายเพื่อค้นพบรากเหง้าของตนเอง และค้นพบบ้านเกิดของคุณปู่ที่เมืองบากันเซียเปี้ยปี และเดินทางต่อไปจนถึงปลายสุดทางเหนือสุดของอินโดนีเซีย เนื่องจากตั้งแต่วัยเด็กได้ฟังเรื่องเล่าจากปู่เกี่ยวกับชีวิตในบ้านเกิดก่อนย้ายมาสิงคโปร์ “ฉันหลงรักเรื่องราวของปู่และค้นพบทุกสิ่งทุกอย่าง ฉันอยากไปเที่ยวสถานที่นั้นมาโดยตลอดแต่ไม่มีโอกาสเลย” ไอรีนเล่า
หลังจากที่ปู่ของเขาเสียชีวิต ไอรีนรู้สึกว่าจำเป็นต้องทำให้ความฝันเป็นจริง ความคิดที่จะปั่นจักรยานคนเดียวไปอินโดนีเซียก็เติบโตขึ้นและทำให้เธอตื่นเต้นมาก เริ่มวางแผนอย่างรอบคอบ และตัดสินใจลางานหนึ่งเดือนเพื่อเตรียมตัว นอกจากเสื้อผ้า ยา ขวดน้ำ และเครื่องมือซ่อมแซมในกระเป๋าเดินทางแล้ว เธอยังพกของที่ระลึกเกี่ยวกับปู่ไปด้วย กระทั่งออกเดินทางจริงในเดือนกันยายน ปี 2023
“การเดินทางของฉันมีระยะทางมากกว่า 1,600 กม. ฉันวางแผนจะปั่นจักรยาน 100-140 กม./วัน” โดยช่วงเวลาที่น่าจดจำที่สุดของการเดินทางครั้งนี้คือ เมื่อเธอได้พบกับคนในท้องถิ่นที่อาจรู้จักครอบครัวของปู่ พวกเขาเล่าว่ามีครอบครัวชาวจีนที่อาศัยอยู่ในบากันเซียปิอาปีตั้งแต่ปี ค.ศ. 1920 ถึง 1940 ก่อนที่จะย้ายไปอยู่ประเทศอื่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
“พวกเขาจำชื่อเฉพาะไม่ได้ ดังนั้นฉันจึงไม่แน่ใจ 100% ว่าเป็นครอบครัวของปู่ แต่การได้ยินพวกเขาเล่าให้ฟังก็ทำให้ฉันภูมิใจและมีความสุขมากพอแล้ว ประวัติศาสตร์ทุกชิ้นที่ฉันพบทำให้นึกถึงความเสียสละที่บรรพบุรุษของฉันทำเพื่อนำชีวิตที่ดีขึ้นมาสู่คนรุ่นต่อๆ ไป”
ทั้งนี้ ในระหว่างการเดินทางเธอยังพบครอบครัวหนึ่งที่ให้ที่พักพิงและอาหารแก่เธอเมื่อหลงทาง และเมื่อสิ้นสุดการเดินทางตามภารกิจที่วางแผนไว้ ก็ตัดสินใจกลับสิงคโปร์โดยเครื่องบิน โดยเปิดใจว่า “มันเป็นการผจญภัยที่ยิ่งใหญ่และฉันภูมิใจมากที่ได้ทำ ฉันคิดว่าปู่ก็ภูมิใจในตัวฉันเช่นกัน” กระทั่งในเดือนมิถุนายน 2024 ไอรีนจึงได้เล่าถึงการเดินทางสุดพิเศษของเธอ และได้รับความสนใจจากทุกคนเป็นอย่างมาก