หมอแจงเหตุ นักวิ่งเทรลทีมชาติไตวาย หลังวิ่ง 80 กม. เตือนอย่าฝืน ฟังสัญญาณร่างกาย

Home » หมอแจงเหตุ นักวิ่งเทรลทีมชาติไตวาย หลังวิ่ง 80 กม. เตือนอย่าฝืน ฟังสัญญาณร่างกาย


หมอแจงเหตุ นักวิ่งเทรลทีมชาติไตวาย หลังวิ่ง 80 กม. เตือนอย่าฝืน ฟังสัญญาณร่างกาย

หมอแจงสาเหตุ นักวิ่งเทรลทีมชาติ “ไตวาย” หลังวิ่ง 80 กม. เกิดจากร่างกายขาดน้ำอย่างหนัก เลือดไม่ไปเลี้ยงที่ไต ควรดื่มน้ำให้พอ เตือนอย่าฝืน ฟังสัญญาณร่างกาย

เมื่อวันที่ 7 พ.ย.65 นพ.อุดม อัศวุฒมางกุร ผู้อำนวยการกองกิจกรรมทางกายเพื่อสุขภาพ กรมอนามัย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนักกีฬาวิ่งเทรล 80 กิโลเมตร หลังวิ่งเสร็จเกิดภาวะไตวาย จนต้องเข้ารับการรักษาว่า การเกิดภาวะไตวายจากกรณีดังกล่าว น่าจะเกิดจากการขาดน้ำมากกว่า ถ้าปกติร่างกายเรามีน้ำเพียงพอ การหมุนเวียนเลือดไปที่ไต จะทำให้ไตทำงานปกติ

อ่านข่าว นักวิ่งเทรลทีมชาติถูกหามส่งโรงพยาบาลจากภาวะไตวาย หลังวิ่ง 80 กม.

แต่เมื่อเราวิ่งเยอะๆ เสียน้ำในรูปแบบของเหงื่อ แล้วไม่ชดเชยน้ำหรือเกลือแร่อย่างเหมาะสม หรือขาดน้ำแล้วยังออกแรงเยอะ ร่างกายจะส่งเลือดไปยังหัวใจและสมองก่อน มิเช่นนั้นร่างกายจะแย่และอันตรายได้ จึงทำให้อวัยวะที่เลือดไหลเวียนไปน้อยก่อน คือไต เมื่อเลือดไปเลี้ยงที่ไตลดลง ซึ่งอวัยวะใดๆ ที่ขาดเลือดไปเลี้ยง จะทำให้การทำงานไม่ดี ทำให้ไตไม่ทำงานและปัสสาวะไม่ออก และเกิดภาวะไตวายได้

“อาการเหล่านี้หากรับการรักษาอย่างทันท่วงที ก็มีโอกาสที่ไตกลับมาทำงาน แต่ลำดับแรกคือการป้องกันก่อน โดยดื่มน้ำให้พอระหว่างทางก็ดื่มน้ำให้เหมาะสม ถ้าอากาศ ร้อนต้องชดเชยให้เหมาะสม ถ้ามีอาการก็ต้องรีบส่งไปรักษา ให้น้ำเกลือให้เหมาะสม และต้องดูอย่างอื่นด้วย เช่น เกลือแร่มีปัญหาหรือไม่ เพราะขับไม่ออกเลย หรือต้องได้สารน้ำอื่นเข้าไปชดเชย เป็นต้น” นพ.อุดม กล่าว

นพ.อุดมกล่าว อีกว่า เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ขอให้ตระหนัก แต่ไม่ตระหนก เพราะการออกกำลังกายเป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้ว การออกกำลังกายทั่วๆ ไป ไม่เกินลิมิต เกิดผลดีมากกว่าโทษมากๆ อยู่แล้ว แต่การออกกำลังกายที่ค่อนข้างจะมาก อย่างการวิ่งเทรล 80 กิโลเมตร ไม่ใช่คนปกติ แต่เป็นนักกีฬามืออาชีพ แต่ขนาดเป็นนักกีฬามืออาชีพก็ยังต้องระมัดระวังภาวะแทรกซ้อนอย่างนี้เช่นกัน

เมื่อถามถึงการสังเกตสัญญาณเตือนว่า ร่างกายสูญเสียน้ำมากเกินไประหว่างวิ่งหรือออกกำลังกายอย่างอื่น นพ.อุดม กล่าวว่า เวลาออกกำลังกายแน่นอนว่า ต้องเสียน้ำ เหงื่อ หรือเกลือแร่อยู่แล้ว แต่การออกกำลังกายทั่วไปประมาณ 30 นาที ก็ไม่ต้องกังวล เพราะร่างกายปรับตัวได้ หรือออกกำลังกายสัก 1 ชั่วโมง

เมื่อหยุดแล้วดื่มน้ำก็ไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งปกติทั่วๆ ไปก็วิ่งกันประมาณ 5-10 กิโลเมตร โดยแนะนำว่าประมาณ 30 นาที หรือ 60 นาที ควรดื่มน้ำชดเชยบ้าง ส่วนอาการขาดน้ำเนื่องจากน้ำและเลือดไม่ค่อยพอ ร่างกายก็จะรู้สึกวิงเวียน อ่อนเพลีย ปัสสาวะไม่ค่อยออก เป็นอาการที่บอก

เมื่อถามต่อว่า นักวิ่งระยะไกลบางส่วนมักทำสถิติ ทำให้วิ่งต่อเนื่องไม่หยุดเป็นเวลานาน ควรแนะนำอย่างไร นพ.อุดม กล่าวว่า กีฬาเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ทำให้ร่างกายแข็งแรง เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญคือดูแลสุขภาพเป็นหลัก ว่าอากาศร้อนไปไหม รับน้ำและเกลือแร่อย่างเพียงพอ ต้องเฝ้าระวังอาการผิดปกติ ไม่ใช่แค่ไตอย่างเดียว

รวมถึงหัวใจด้วย หากมีอาการแน่นหน้าอก วิงเวียน ใจสั่น หน้ามืดจะเป็นลม ต้องฟังเสียงร่างกายเรา ต้องหยุด อย่าฝืน แล้วปฐมพยาบาล จะประเมินความดันและชีพจร รวมถึงให้สารน้ำที่เหมาะสม และออกกำลังกายอย่างเหมาะสมดูแลสุขภาพ

เมื่อถามว่า การดื่มน้ำก่อนออกกำลังกายไปก่อน จะช่วยลดการขาดน้ำได้มากขึ้นหรือไม่ นพ.อุดม กล่าวว่า การดื่มน้ำถ้ามากไปก็ไม่ดี น้อยไปก็ไม่ดี เพราะถ้ามากไปออกกำลังกายก็จุกได้ แต่ถ้าวิ่งออกกำลังกายแล้วคอแห้งนิดหน่อย อาจจะต้องไปเติมน้ำแล้ว ให้ดูความเหมาะสมมากกว่า ซึ่งการจัดงานวิ่งโดยทั่วไปต้องมีจุดให้น้ำตามระยะทางที่เหมาะสมตามมาตรฐานการจัดงาน คือทุกประมาณ 2-4 กิโลเมตรที่จะมีจุดให้บริการน้ำ

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ