ทั่วโลกพบเพียง 20 ราย! หญิงไต้หวันท้องเสียช่วงตรุษจีน คิดว่าแค่อาหารเป็นพิษ แต่กลับพบว่าเป็น “มะเร็งระยะสุดท้าย 2 ชนิด”
ไม่ใช่ว่าทุกอาการอาเจียนและท้องเสียจะเป็นแค่โรคกระเพาะหรือลำไส้อักเสบ
ล่าสุด เว็บไซต์ ETtoday รายงานว่า โรงพยาบาลในไถจงของไต้หวัน รับเคสหญิงวัย 68 ปี ที่เข้ารักษาตัวเมื่อช่วงเทศกาลตรุษจีน ด้วยอาการอาเจียนและท้องเสียรุนแรง ตอนแรกคิดว่าเป็นเพียงอาหารเป็นพิษ แต่กลับพบว่าผู้ป่วยเป็นมะเร็งตับอ่อนและมะเร็งลำไส้ใหญ่ และอยู่ในระยะสุดท้ายแล้ว โดยทั่วโลกพบเคสลักษณะนี้ไม่ถึง 20 ราย ซึ่งแพทย์ประเมินว่าอาจมีชีวิตอยู่ได้อีกเพียง 6 เดือน
นายแพทย์อู๋ หมิงจวิ้น จากแผนกตับและทางเดินอาหาร โรงพยาบาลกระทรวงสาธารณสุขไถจง ระบุว่า ในช่วงเทศกาลตรุษจีน การรวมตัวทานอาหารของครอบครัวมักหลีกเลี่ยงการทานอาหารมันๆ และเนื้อสัตว์จำนวนมากไม่ได้
จึงทำให้ทุกปีมีผู้ป่วยที่เข้ารักษาด้วยอาการอาเจียน ท้องเสีย ปวดท้อง และไข้จากปัญหาทางเดินอาหารเพิ่มขึ้นประมาณ 20% เมื่อเทียบกับช่วงปกติ และปีนี้ก็เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม การตรวจพบมะเร็ง 2 ชนิดพร้อมกัน จากการเข้ารักษาอาการทางเดินอาหารนั้นนับว่าเป็นกรณีที่พบได้น้อยมาก
นายแพทย์อู๋ หมิงจวิ้น ระบุว่า ผู้ป่วยเข้ารับการรักษาด้วยอาการอาเจียน ท้องเสียร่วมกับติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
จากการตรวจอัลตราซาวนด์ช่องท้องพบเนื้องอกที่ตับ และการตรวจ CT Scan พบว่าเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่และมะเร็งตับอ่อน ขนาดไม่ต่ำกว่า 4 เซนติเมตร
นอกจากนี้ ยังพบภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดปอด และผลการตัดชิ้นเนื้อตับยืนยันว่าเซลล์มะเร็งได้แพร่กระจายมาจากลำไส้ใหญ่และตับอ่อน
เนื่องจากอาการซับซ้อน โรงพยาบาลจึงจัดทีมแพทย์แบบสหสาขาวิชาชีพเพื่อหารือแนวทางการรักษาร่วมกับผู้ป่วย
นายแพทย์อู๋ หมิงจวิ้น กล่าวต่อว่า การเกิดมะเร็งตับอ่อนและมะเร็งลำไส้ใหญ่พร้อมกันนั้นพบได้ยากมาก ทั่วโลกมีรายงานไม่ถึง 20 กรณี อายุเฉลี่ยของผู้ป่วยอยู่ที่ประมาณ 65 ปี และสาเหตุยังไม่เป็นที่แน่ชัด
ในอดีตผู้ป่วยกลุ่มนี้หลังได้รับการวินิจฉัยมักมีชีวิตอยู่ได้เฉลี่ยเพียง 6 เดือน แต่ด้วยความก้าวหน้าของการพัฒนายาใหม่ๆ การรักษาด้วยยาแบบพุ่งเป้าร่วมกับเคมีบำบัดจึงกลายเป็นความหวังสำคัญ
นายแพทย์อู๋ ยังแนะนำประชาชนว่า หากมีอาการทางเดินอาหารผิดปกติและไม่ดีขึ้นหลังรับประทานยา ควรไปตรวจเพิ่มเติมที่โรงพยาบาลขนาดใหญ่ เพื่อหาสาเหตุและเริ่มการรักษาแต่เนิ่นๆ