ย้ำเตือนอีกครั้ง เคสเด็กชาย 8 ขวบ อัมพาตใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีก เพราะวิธีการ “เปิดแอร์” แบบที่ทำกันแทบทุกบ้าน

เนื่องด้วยสภาพอากาศที่ร้อนจัดขึ้นทุกปี ผู้คนจึงพึ่งพาเครื่องปรับอากาศกันมากขึ้นตามไปด้วย อย่างไรก็ดี การใช้เครื่องปรับอากาศอย่างไม่ถูกต้อง จากข้อผิดพลาดที่หลายๆ คนมักทำกันโดยไม่รู้ว่าอันตราย อาจทำให้ต้องเผชิญปัญหาทางสุขภาพที่ร้ายแรง เช่น โรคลมแดด, โรคหลอดเลือดสมอง, โรคใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีก

มีกรณีที่เกิดขึ้นในปี 2562 Hung Vuong Hospital Red Cross โรงพยาบาลทั่วไปในนครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม ได้รับเคสเป็นเด็กชายอายุ 8 ขวบ มีอาการอัมพาตใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีก ปากเบี้ยว ตาปิดไม่สนิท ตรวจพบความผิดปกติของเส้นประสาทสมองส่วนปลายด้านขวาที่ 7

Dr.Nguyễn Kim Hùng แพทย์ภาควิชาอายุรศาสตร์แผนโบราณ ระบุว่า สำหรับเด็กที่เป็นอัมพาตใบหน้าและปากบิดเบี้ยว สาเหตุมักเกิดจากการที่ครอบครัว “เปิดแอร์เย็นเกินไป” ขณะนอนหลับ ดังนั้น ผู้ปกครองต้องแน่ใจว่าร่างกายของลูกได้รับความอบอุ่นอยู่เสมอ และอย่าปล่อยให้เด็กเป็นหวัด ใส่ใจอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศในเวลากลางคืน 

ในกรณีของเด็กคนนี้ หลังจากรักษาได้ 15 วัน อาการอัมพาตก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัด สามารถหลับตาขวาได้ ปากไม่บิดเบี้ยวอีกต่อไป เป่าขลุ่ยได้ กินข้าวและดื่มได้

ตามที่ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์แนะนำ เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะช็อคจากความร้อน วิธีที่ดีที่สุดคือเมื่อเพิ่งเผชิญกับแสงแดดที่ร้อนจัดจากภายนอก เมื่อเข้ามาในอาคารไม่ควรเปิดเครื่องปรับอากาศที่อุณหภูมิต่ำกว่า 5 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับอุณหภูมิภายนอก ยกเว้นวันที่อากาศร้อนเกิน 35 องศาเซลเซียส สามารถตั้งเครื่องปรับอากาศไว้ที่ 28 องศาเซลเซียสได้

ในทางกลับกัน หากนั่งอยู่ในห้องที่เปิดเครื่องปรับอากาศ ก่อนออกไปนอกห้องซึ่งมีอุณหภูมิสูงกว่ามากๆ ควรปิดเครื่องปรับอากาศ และเปิดประตูเพื่อให้อากาศไหลเวียนก่อนประมาณ 30 นาที เพื่อช่วยให้ร่างกายค่อยๆ ปรับตัวเข้ากับอุณหภูมิภายนอก

ทั้งนี้ ในฤดูร้อนการตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศที่ดีที่สุดคือ 25-27 องศาเซลเซียส โดยหลีกเลี่ยงความผันผวนที่มากเกินไปเมื่อเทียบกับภายนอก เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพอากาศ และดีต่อสุขภาพด้วย ในขณะเดียวกันที่อุณหภูมินี้จะช่วยให้เครื่องปรับอากาศทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และประหยัดพลังงานมากขึ้นด้วย

นอกจากนี้ อย่าลืมว่าการใช้เครื่องปรับอากาศมากเกินไปตลอดทั้งวันก็ไม่ดีเช่นกัน เนื่องจากผลการวิจัยพบว่าอากาศในห้องปิดอาจเป็นพิษมากกว่าอากาศภายนอกถึง 2-5 เท่า จึงควรทำให้ห้องโปร่งและมีแหล่งอากาศสะอาดเข้ามาในบ้านบ้าง