หมอเตือน “กล้ามเนื้อมือเกร็ง” ขณะเขียนหนังสือพบบ่อยสุด อาจเป็นอาการนำไปสู่โรคระบบประสาทอื่น แนะฉีดโบทูลินัมช่วยลดอาการได้ 2-3 เดือน
วันที่ 16 พ.ย.65 นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ภาวะกล้ามเนื้อมือเกร็ง (Writer’s cramp) หรือ task-specific dystonia เป็นอาการเคลื่อนไหวผิดปกติในรูปแบบของการบิดเกร็งผิดรูป ที่เกิดขึ้นเฉพาะบางท่าทาง เช่น เขียนหนังสือ พิมพ์ดีด เล่นดนตรี เล่นกีฬาบางชนิด เป็นต้น อาการเกร็งจะหายไปเมื่อเลิกทำท่าทางนั้นหรือเมื่ออยู่เฉยๆ โดยจะพบอาการเกร็งมือเวลาเขียนหนังสือได้บ่อยที่สุดในผู้ป่วยกลุ่มโรคนี้ ผู้ป่วยจะมีความรู้สึกแน่นหรือเกร็งนิ้วมือ มือ ข้อมือหรืออาจลามถึงแขนเวลาใช้มือข้างนั้นเขียนหนังสือ ส่งผลให้ลายมือเปลี่ยนไป เขียนหนังสือช้าลง จนไม่สามารถเขียนหนังสือได้ บางครั้งอาจทำให้ผู้ป่วยต้องหัดเขียนหนังสือด้วยมืออีกข้างแทน ซึ่งจะส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของผู้ป่วยโดยตรง
นพ.ธนินทร์ เวชชาภินันท์ ผอ.สถาบันประสาทวิทยา กล่าวว่า ผู้ป่วยประมาณ 10-20% อาจมีอาการของโรครุนแรงมากขึ้น จนมีอาการมือเกร็งเวลาทำกิจกรรมอื่นนอกจากเขียนหนังสือ เช่น จับช้อนหรือส้อมเวลาทานอาหาร ติดกระดุมเสื้อ เป็นต้น หรืออาจมีอาการเกร็งลามไปมืออีกข้างทำให้เป็นภาวะมือเกร็งทั้งสองข้างได้ ภาวะกล้ามเนื้อมือเกร็งอาจเป็นอาการนำของการเกิดโรคทางระบบประสาทอื่นๆ ได้อีกด้วย
เช่น โรคกล้ามเนื้อบิดเกร็งทั่วตัวที่เป็นกรรมพันธุ์ เป็นต้น สาเหตุของโรคเกิดจากสมองที่มีวงจรทำงานผิดปกติ ส่งผลให้เกิดการบิดเกร็งของร่างกายส่วนนั้นๆ แพทย์อาจพิจารณารักษาผู้ป่วยโดยรับประทานยาและทำกายภาพบำบัดเพื่อลดอาการเกร็ง แต่ผลการรักษามักมีประสิทธิภาพไม่ดีเท่าที่ควร และมีผลข้างเคียงของยาเมื่อใช้ในปริมาณสูง
“ปัจจุบันการรักษาที่เป็นมาตรฐาน คือ การฉีดยาโบทูลินัม ในตำแหน่งของกล้ามเนื้อที่เกร็งเวลาเขียนหนังสือ ซึ่งภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อยจากการฉีดยาโบทูลินัม คือ อาจมีกล้ามเนื้อมืออ่อนแรงชั่วคราวได้ในช่วง 1-2 สัปดาห์หลังฉีด
จากนั้นมือจะกลับมามีแรงตามปกติโดยที่ไม่มีอาการเกร็งได้นาน 2-3 เดือน ทำให้ผู้ป่วยทำกิจวัตรประจำวันได้เป็นปกติ ดังนั้น หากมีอาการภาวะกล้ามเนื้อมือเกร็ง ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยป้องกันไม่ให้โรคลุกลามต่อไป” นพ.ธนินทร์กล่าว