สืบเนื่องจากเหตุสลดกลางดึก เมื่อคืนที่ผ่านมา (29 มิ.ย. 66) หลังมีรายงานจาก ร.ต.อ.นราธิป เทพอาจ รอง สว.(สอบสวน) สน.ยานนาวา รับแจ้งเหตุคนตกจากที่สูง เสียชีวิต ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งย่านสีลม ก่อนเดินทางไปตรวจสอบพร้อมแพทย์นิติเวช รพ.ตำรวจ พิสูจน์หลักฐาน และอาสามูลนิธิร่วมกตัญญู ที่เกิดเหตุอยู่ด้านหลังอาคารสนับสนุนบริการ สูง 28 ชั้น พบร่าง นักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 6 ฝึกงานโรงพยาบาลดังกล่าว อายุ 24 ปี สภาพร่างนอนคว่ำหน้า มีบาดแผลที่ศีรษะ ใกล้กับร่างพบบัตรประจำตัวของโรงพยาบาลตกอยู่ จึงประสานเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบ
ล่าสุด ทางด้านโรงพยาบาลที่เกิดเหตุ ระบุแล้วว่าเป็น โรงพยาบาลเลิดสิน โดยทางโรงพยาบาลก็ได้ออกมาแถลงการณ์ในเบื้องต้นซึ่งมีข้อมูลระบุ ดังนี้
ตามที่มีข่าวทางช่องต่างๆเรื่อง นักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่6 ตกจากอาคารหอพักเสียชีวิต ทางโรงพยาบาลเลิดสินรับทราบเหตุการณ์ดังกล่าวและขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ดังกล่าว รวมทั้งได้ประสานงานติดต่อแจ้งข่าวต่อผู้ปกครองของนักศึกษาแพทย์รายนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้สาเหตุของเหตุการณ์นี้ยังไม่แน่ชัดและยังอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยทางผู้ปกครองของนักศึกษาแพทย์มีความประสงค์ที่จะไม่ให้ข้อมูลใดๆ ในทุกช่องทาง โรงพยาบาลเลิดสินจึงขออภัยมา ณ โอกาสนี้
หมอสมิทธิ์ ชี้! ต้องเปลี่ยนระบบ
ทางด้าน ผศ.นพ.สมิทธิ์ ศรีสนธิ์ นายกสมาคมแพทย์นิติเวชแห่งประเทศไทย และกรรมการแพทยสภาชุดปัจจุบัน นั้นเคยพูดถึงเรื่องนี้ไว้ โดยเปิดเผยผ่าน The Coverage ซึ่ง หมอสมิทธิ์ นั้นกล่าวไว้ว่า
ปัญหาเรื่องวัฒนธรรมองค์กรที่ไม่ดีในโรงพยาบาล เช่น การดูถูก ดุด่าจากอาจารย์แพทย์ หรือการที่แพทย์รุ่นพี่ทำงานไม่เต็มเวลา ทำให้แพทย์รุ่นน้องต้องรับภาระแทน เป็นหนึ่งในปัญหาเรื้อรังในระบบสุขภาพของรัฐที่มีส่วนบั่นทอนสภาพจิตใจของแพทย์ชดใช้ทุน หรืออินเทิร์น จนตัดสินใจลาออกแต่ไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน
ทั้งนี้ ปัญหาดังกล่าวมีมานานแล้ว และบางเรื่องก็ส่งผลเสียต่อการรักษาผู้ป่วยโดยตรงด้วย อย่างในกรณีที่แพทย์ประจำโรงพยาบาลบางส่วนเอาเวลาราชการออกไปทำในคลินิก ทำให้เวลาเกิดสถานการณ์คับขันที่แพทย์อินเทิร์นยังไม่สามารถจัดการได้ ไม่สามารถโทร.ถาม หรือ ปรึกษาใครได้ กระทั่งมาช่วยไม่ได้ก็มี จนนำไปสู่การรักษาที่ผิดพลาด ซึ่งที่ผ่านมาก็เคยเกิดขึ้นแล้ว เพียงแต่ไม่มีการเก็บข้อมูลอย่างจริงจัง เนื่องจากเป็นเรื่องที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน อีกทั้งแม้จะรู้ และผิดจริงแต่ก็สามารถแก้ไขได้ยาก
บางทีสตาฟประเภทนี้ (เอาเวลาราชการไปเปิดคลินิก) อาจจะเป็นแพทย์คนเดียวในจังหวัด หรือเป็นหนึ่งในแพทย์ไม่กี่คนในจังหวัด ถ้าลงโทษให้ออกหรือหยุดทำหน้าที่ คำถามคือแล้วใครจะมาอยู่แทน ซึ่งทำให้ประเด็นนี้แก้ได้ยากในระดับหนึ่ง อีกทั้งในเชิงกระบวนการออกของระบบราชการก็ต้องใช้เวลาด้วย เลยกลับมาเรื่องเดิมว่าปริมาณแพทย์ไม่พอ เพราะถ้าแพทย์พอเรื่องพวกนี้เกิดขึ้นก็ไล่เขาออกไปเลย” นพ.สมิทธิ์ ระบุ
อย่างไรก็ดี ในกรณีที่เป็นการดูถูก ดุด่า เมื่อปี 2565 ทางแพทยสภาได้มีการประกาศข้อบังคับแพทยสภา ว่าด้วยการรักษาจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2565 ซึ่งเป็นการปรับปรุงข้อบังคับให้สอดคล้องกับสภาวะในปัจจุบัน โดยในส่วนที่เป็นการกำกับการปฏิบัติตนต่อผู้ร่วมงาน ได้กำหนดไว้ว่า ต้องให้เกียรติและเคารพในศักดิ์ศรีของกันและกัน รวมถึงต้องไม่มีการให้ร้าย ทับถม กลั่นแกล้ง เหยียดหยาม ฯลฯ ต่อกัน ซึ่งถ้าเกิดขึ้นสามารถร้องเรียนมาที่แพทยสภาได้ เพราะถือว่ามีความผิด
ขอบคุณข้อมูล : The Coverage
ติดตามข่าวสาร Bright Today ช่องทางอื่น ๆ
Website : BRIGHT TODAY
Facebook : BRIGHT TV
Line Today : BRIGHT TODAY