“หมอธีระ” โพสต์เตือน โควิดยังรุนแรง ปลดล็อกดาวน์ มีโอกาสติดเชื้อสูงขึ้น ไม่ใช่”นิวนอร์มัล” แต่เป็น “แอบนอร์มัล” ชี้ ต้องระวังตัวมากขึ้น
เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2564 ทางด้านของ หมอธีระ หรือ รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อมูลของสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลก และตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศต่างๆ พร้อมทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในประเทศไทย ชี้วันนี้ปลดล็อคดาวน์ มีโอกาสติดเชื้อสูงขึ้น มีโอการที่ผู้คนจะไม่ระวังตัวมากขึ้น โดยข้อมูลเหล่าถูกโพสต์ผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว Thira Woratanarat โดยมีเนื้อหาดังนี้
สถานการณ์ทั่วโลก 1 กันยายน 2564…อเมริกาทะลุ 40 ล้านไปแล้วเมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 541,867 คน รวมแล้วตอนนี้ 218,438,933 คน ตายเพิ่มอีก 8,164 คน ยอดตายรวม 4,531,745 คน5 อันดับแรกที่มีจำนวนติดเชื้อต่อวันสูงสุดคือ อเมริกา อินเดีย สหราชอาณาจักร อิหร่าน และบราซิล
อเมริกา ติดเชื้อเพิ่ม 107,356 คน รวม 40,058,129 คน ตายเพิ่ม 857 คน ยอดเสียชีวิตรวม 657,533 คน อัตราตาย 1.6%
อินเดีย ติดเพิ่ม 43,072 คน รวม 32,810,892 คน ตายเพิ่ม 462 คน ยอดเสียชีวิตรวม 439,054 คน อัตราตาย 1.3%
บราซิล ติดเพิ่ม 24,589 คน รวม 20,776,870 คน ตายเพิ่ม 770 คน ยอดเสียชีวิตรวม 580,413 คน อัตราตาย 2.8%
รัสเซีย ติดเพิ่ม 17,813 คน รวม 6,918,965 คน ตายเพิ่ม 795 คน ยอดเสียชีวิตรวม 183,224 คน อัตราตาย 2.6%
สหราชอาณาจักร ติดเพิ่ม 32,181 คน ยอดรวม 6,789,581 คน ตายเพิ่ม 50 คน ยอดเสียชีวิตรวม 132,535 คน อัตราตาย 2%
อันดับ 6-10 เป็น ฝรั่งเศส ตุรกี อาร์เจนติน่า อิหร่าน และโคลอมเบีย ติดกันหลักพันถึงหลายหมื่น แถบอเมริกาใต้ ยุโรป แอฟริกา เอเชีย หลายต่อหลายประเทศติดกันเพิ่มหลักพันถึงหลักหมื่น หากรวมทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ พบว่ามีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 89.56 ของจำนวนติดเชื้อใหม่ทั้งหมดต่อวันแถบสแกนดิเนเวีย บอลติก และยูเรเชีย ก็มีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นหลักร้อยถึงหลักพัน แถบตะวันออกกลางส่วนใหญ่ยังติดเพิ่มหลักร้อยถึงหลักพัน ยกเว้นอิหร่านติดเพิ่มหลักหมื่นอย่างต่อเนื่อง
เวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และญี่ปุ่น ติดเพิ่มกันหลักหมื่นส่วนเมียนมาร์ ออสเตรเลีย และเกาหลีใต้ ติดกันหลักพัน กัมพูชา ลาว และสิงคโปร์ ติดเพิ่มหลักร้อย ส่วนจีน และนิวซีแลนด์ ติดเพิ่มหลักสิบ ในขณะที่ฮ่องกง และไต้หวัน ติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ
…ภาพรวมสถานการณ์ของโลก รายงานประจำสัปดาห์ขององค์การอนามัยโลก (WHO COVID-19 Weekly Epidemiological Update) ล่าสุด 31 สิงหาคม 2021 ระบุว่าไวรัสสายพันธุ์เดลต้านั้นระบาดไปถึง 170 ประเทศทั่วโลกแล้ว
หากดูกราฟการระบาด ที่น่าสนใจคือ ระลอกนี้มีจำนวนติดเชื้อต่อวันพอๆ กับสายพันธุ์ G ซึ่งระบาดก่อนหน้าอัลฟ่ารอบที่แล้ว แต่จำนวนการเสียชีวิตต่อวันดูแล้วลดลง ประเมินโดยคร่าวราว 30% ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากทั้งเรื่องความรู้ทางการแพทย์ที่มากขึ้น ยา และวัคซีน อย่างไรก็ตาม จำนวนชีวิตที่สูญเสียก็ยังมากมายมหาศาล
…สถานการณ์ของไทยเรา
จำนวนติดเชื้อสะสมล่าสุดอยู่ที่อันดับ 29 ของโลก ขยับขึ้นมารวดเร็วมากจากอันดับร้อยกว่าในช่วงปลายปีก่อน
ในขณะที่จำนวนการติดเชื้อใหม่ของเมื่อวานนี้ แม้จะลดลงกว่าเดิม แต่อย่างที่เคยวิเคราะห์ไปแล้วว่าสัมพันธ์กับจำนวนการตรวจที่ลดลงอย่างชัดเจน แม้กระนั้นจำนวนติดเชื้อใหม่ก็ยังรั้งอันดับ 10 ของโลกอยู่ดี
ผลลัพธ์ทางสุขภาพที่เห็นนั้น ไม่ว่าจะเป็นจำนวนการติดเชื้อแต่ละวันที่สูงติดอันดับโลก จำนวนชีวิตที่สูญเสียไปมากมายกว่าหมื่นคน ไม่ได้เป็นผลจากเชื้อโรคแต่เพียงอย่างเดียว แต่ปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นย่อมต้องมาจากการวางแผนนโยบาย และมาตรการควบคุมป้องกันโรค การจัดซื้อจัดเตรียมจัดหาทรัพยากรที่จำเป็น รวมถึงหยูกยา และวัคซีนด้วย
ดังที่สามารถเห็นและเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก ที่เจอมรสุมเดลต้าเหมือนกัน แต่ผลลัพธ์ทางสุขภาพที่เกิดขึ้นในอีกหลายต่อหลายประเทศนั้นแตกต่างจากไทย ไม่ว่าจะเป็นจีน ไต้หวัน ฮ่องกง นิวซีแลนด์ หรือแม้แต่ประเทศแถบสแกนดิเนเวีย และอื่นๆ นี่จึงสะท้อนให้เราเห็นความสำคัญของนโยบายและมาตรการ และการตัดสินใจ ว่าส่งผลต่อสวัสดิภาพและความปลอดภัยในชีวิตของประชาชนทุกคน ยืนยันว่าสถานการณ์ระบาดในไทยยังรุนแรง กระจายทั่ว และเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
การจะให้ใช้ชีวิตเสรีหรือให้คนยอมรับภาวะเช่นนี้ ไม่ใช่”นิวนอร์มัล” แต่เป็น “แอบนอร์มัล” ตราบใดที่ยังคุมการระบาดไม่ได้ และระบบสนับสนุนที่จำเป็นไม่ได้มีศักยภาพหรือมีข้อจำกัด อาทิ ระบบตรวจคัดกรองโรค ระบบการดูแลรักษา รวมถึงหยูกยาและวัคซีน ทั้งในเรื่องปริมาณ การกระจาย และประสิทธิภาพที่จะรับมือกับสายพันธุ์กลายพันธุ์โดยพิจารณาถึงตัวชี้วัดทางคลินิกจริงตามกระบวนการวิจัยมาตรฐานสากล ทั้งการป้องกันการติดเชื้อ การลดป่วยรุนแรง และลดเสียชีวิต
วันนี้ปลดล็อคหลายกิจการ หลายกิจกรรม ซึ่งมีโอกาสสูงที่จะทำให้คนจำนวนมากออกมาพบปะกัน ใกล้ชิดกัน สัมผัสกัน และใช้เวลาอยู่ด้วยกันนานมากขึ้น มีโอกาสแชร์ของกินของใช้กัน หรือมีโอกาสที่จะไม่ได้ป้องกันตัว ผลกระทบที่จะตามมาก็ย่อมเป็นเรื่องการระบาดที่จะทวีความรุนแรงขึ้นได้ ใส่หน้ากากนะครับ สองชั้น ชั้นในเป็นหน้ากากอนามัย ชั้นนอกเป็นหน้ากากผ้า สำคัญมากพบปะคนน้อยๆ ใช้เวลาสั้นๆ อยู่ห่างจากคนอื่นมากๆเลี่ยงการกินดื่มในร้านอาหาร โรงอาหาร ศูนย์อาหาร ซื้อกลับจะปลอดภัยกว่า
สุขาสาธารณะ ปิดฝาก่อนกดชักโครก ล้างมือทุกครั้ง และใส่หน้ากากเสมอคอยสังเกตอาการตนเองและครอบครัว หากไม่สบาย ให้แยกจากสมาชิกในบ้าน และรีบทำการตรวจรักษาเดลต้า อาการคล้ายหวัด ไม่ว่าจะเป็นไข้ ไอ เจ็บคอ คัดจมูก น้ำมูกไหล ขอให้คิดถึงโควิดด้วยเสมอด้วยรักและห่วงใย
สามารถติดตามข่าวสาร และ เรื่องดีๆเกี่ยวกับสุขภาพได้ที่ เว็บไซต์ Bright Today หรือ Facebook Bright TV
ข่าวที่น่าสนใจ
โทนี่ วู้ดซัม เอาบ้าง! เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจประยุทธ์นอกสภา พร้อมเสนอวิธีไล่นายกฯ
บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ประจำเดือนกันยายน เงินเข้าแล้ววันนี้ ใช้จ่ายอะไรได้บ้าง เช็คด่วน!
สรุปเหตุพบสารปนเปื้อนใน วัคซีนโมเดอร์นา ในญี่ปุ่น ประเทศที่สั่งจองจะได้รับผลกระทบหรือไม่?