เรื่องที่ไม่เคยเล่า หนูแหม่ม สุริวิภา เผยเหตุไม่คิดตามหาพ่อแท้ๆ ย้อนวัยเด็กถูกบูลลี่ฝรั่งขี้นก-ลูกผู้หญิงหากิน ลั่นมีรักล้นเหลือจากแม่ ไม่รู้สึกขาดโหยหา
พิธีกรมากฝีมือ หนูแหม่ม สุริวิภา กุลตังวัฒนา คร่ำหวอดในวงการมากว่า 40 ปี เข้าวงการ เล่นหนังเรื่องแรกตั้งแต่อายุ 16 เริ่มต้นอาชีพพิธีกร ยุทธการขยับเหงือก รายการแรกในวัย 18 ปี โดยหนูแหม่ม เปิดใจในรายการแฉ เล่าย้อนจุดเริ่มต้นก้าวเข้ามาทำงานพิธีกร จากบ้านไม่มีทีวี ชีวิตในวัยเด็ก ลูกครึ่งหน้าฝรั่ง เรื่องแปลกในยุคนั้นจนถูกบูลลี่ลูกไม่มีพ่อ แม่เป็นผู้หญิงหากิน พร้อมเผยเหตุผลทำไมไม่อยากตามหาพ่อแท้ๆ
จุดเริ่มต้นจะดูทีวี แต่ไม่มีทีวีจะดู หนูแหม่ม เล่าย้อนถึงจุดที่ทำให้อยากทำงานหน้าจอ “บ้านไม่มีทีวี พ่อแม่ไม่ได้มีเงินเหลือเฟือ บ้านเรามีลูก 3 คน ส่งลูกเรียนก็แย่แล้ว ตอนนั้นอยู่จังหวัดสกลนคร ไปบ้านเพื่อนเขามีทีวี เราอยากดูหนังจักรๆ วงศ์ๆ อยากดูการ์ตูน เพื่อนก็หวงยืนบังไม่ให้ดู ก็พูดว่า มึงคอยดู กูจะอยู่ในทีวีให้มึงดู คิดไว้ในใจคอยดูนะ ฉันจะอยู่ในจอ ยังไงก็จะต้องอยู่ในจอให้ได้ มันเหมือนเป็นปม เพราะไม่มีทีวีดู แล้วคิดตลอดว่าชีวิตนี้ฉันต้องอยู่ในจอทีวีให้ได้ มันมีเป้าหมายอยู่ในใจ ตั้งแต่ 7-8 ขวบ อยากเป็นถึงขนาดเขียนจดหมายหา จิ๊ก เนาวรัตน์ เพราะปลื้มเขามาก รักเขามาก ดูเป็นผู้หญิงที่น่ารักอ่อนหวานอบอุ่น”
“วันหนึ่งแม่ย้ายพวกเรากลับมาอยู่กรุงเทพฯ มาอยู่แฟลตห้วยขวาง เรียนโรงเรียนวัด ก็เฝ้าคอยอยากเป็นดารา เมื่อไหร่ฉันจะได้อยู่ในทีวี จนวันหนึ่งไฟว์สตาร์ประกาศรับสมัครหนังเรื่อง วัยระเริง พี่หนุ่ย อำพล เล่น อาเปี๊ยก โปสเตอร์ เรียกไปเทสต์หน้ากล้อง จนเราถูกเลือกให้เป็นหนึ่งในหนังเรื่องนั้น เข้าวงการตอนอายุ 16”
เป็นคนหน้าฝรั่งมาตลอด “คือเราหน้าฝรั่ง บ้านนอกอยู่ท่าแร่ ทุกคนหัวดำหมดเลย มีฉันหัวทองอยู่คนเดียว ใครเรียกอะไร ก็โกรธก็ขึ้น โดนเรียก ลูกผู้หญิงหาตังค์ หน้าฝรั่งเป็นเรื่องใหญ่สำหรับยุคนั้นแม้แต่กำนันยังเรียกว่าอีฝรั่งขี้นก เมื่อก่อนเราไม่รู้ว่าจะยอกย้อนผู้ใหญ่ว่ายังไง ถ้าเป็นตอนนี้จะสวนไปแก่กะโหลกกะลา รู้สึกไม่ชอบ เพราะเขามองลูกครึ่งเป็นเรื่องประหลาด ทุกคนจะบูลลี่ว่าฉันเป็นลูกผู้หญิงหาเงิน เป็นลูกไม่มีพ่อ พ่อแม่ทิ้ง มีขึ้นกะ… ด้วย บางทีเด็กๆ มันทนไม่ได้ ลุกขึ้นเอาหัวโขกกับพื้น คุณครูเรียกผู้ปกครองมาเจอ สุริวิภาก้าวร้าวมากนะ แม่ฉันก็ไปเลย ก้าวร้าวเรื่องอะไรคะ เราก็เล่าว่าเขาว่าไม่มีพ่อ แม่เป็นกะ.. แม่บอกก็ดีแล้วฉันจะตบกับแม่อีเด็กคนนี้ด้วย แม่ฉันเป็นนักสู้”
แม่เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวมาตลอด ถามว่าเอาชนะอุปสรรคตอนนั้นได้ยังไง เราไม่รู้หรอกว่ามันคืออุปสรรค พ่อมาเสียตอนโต ก็อยู่กับพ่อบ้างกับแม่บ้าง ยังไปมาหาสู่กัน พ่อแม่แยกทางกัน มาแยกตอนโตแล้ว
จริงๆ เราเป็นลูกครึ่ง แล้วไม่รู้ว่าพ่อเป็นใคร ไม่เคยเล่าให้ใครฟัง ไม่กล้าเล่า ไม่ได้มีอะไรเป็นความลับ แค่รู้สึกว่าถ้าเล่า ถ้าเกิดพ่อจะมาหาฉัน ตายแล้วฉันเป็นลูกที่เลวมาก ทำตัวไม่ถูก ป่านนี้คงตายไปแล้ว
ไม่เคยเจอพ่อแท้ๆ เลย และไม่เคยคิดจะตามหาเลย อย่างเคสของมอริส เค กับเราคนละแบบ เพราะแม่และคนที่ดูแลเราไม่เคยทำให้รู้สึกขาดอะไรในชีวิตเลย เพราะฉะนั้นไม่ได้รู้สึกว่าพ่อเป็นใคร ไม่ได้รู้สึกโหยหาและต้องการเลย เพราะว่าเรามีความรักในครอบครัวหลังนี้ มันล้นจนไม่ต้องไปกระเสือกกระสนอะไรอีก
ไม่เคยถามอะไรกับแม่เลย และไม่เคยสงสัย แต่รู้ว่าตัวเองเป็นลูกครึ่งอเมริกัน เกิดที่ทหารอเมริกันตั้งค่ายอยู่จุดที่ใกล้บ้านที่เราเกิด ชีวิตไม่ได้ขาดอะไร ไม่ได้โหยหาว่าจะต้องมีพ่อเป็นใคร ครอบครัวเรามีความสุข เราดำเนินชีวิตตามปกติ ไม่ได้แปลกอะไร
คลิปสัมภาษณ์ หนูแหม่ม สุริวิภา (นาที 42.32น.)
ที่มารายการแฉ