หนุ่มบุรีรัมย์ ตะลึง! ไปดักหนูนาเจอวัตถุปริศนาจากฟ้า หล่นใส่ดังตุ๊บ สีดำเหมือน อุกกาบาต แถมไม่ไหม้ไฟ วอนผู้รู้ชี้แนะว่าเป็นวัตถุอะไร ยืนยันเดินไปคนเดียวไม่มีใครบริเวณนั้นมาแกล้ง
เมื่อวันที่ 2 มี.ค. 2566 นายบุญมา สงกูล (ช่างอ้วน) อายุ 40 ปี ชาว ต.หนองปล่อง อ.ชำนิ จ.บุรีรัมย์ ประสานมายังสื่อว่าอยากให้ผู้มีความรู้เฉพาะด้านมาตรวจสอบไขข้อข้องใจที่ตัวเองได้ประสบมา
นายบุญมา เล่าว่า ตนมีอาชีพเป็นช่างซ่อมตู้เย็น ยามว่างมักจะออกไปดักหนูนาเป็นประจำ เมื่อวันก่อนตอนยามเย็น ได้เดินไปทุ่งนาเพื่อไปหาจุดที่จะดักหนูตอนกลางคืน เมื่อเดินไปตามถนนลูกรังเรียบคลองลำปะเทียน้อย ตอนนั้นเดินไปคนเดียว และไม่พบใครบริเวณนั้น
ปรากฏว่าระหว่างที่เดินไปอยู่นั้น ได้ยินเสียงตุ๊บ เหมือนของหล่น อยู่ด้านหลัง จึงหันไปมองรอบตัวคิดว่ามีใครมาแกล้ง แต่ไม่เห็นใคร แต่เหลือบไปเห็นวัตถุชนิดหนึ่ง ซึ่งมีสีสันแตกต่างจากลูกรังหรือวัตถุชนิดอื่นมีสีดำเรียวยาวประมาณ 8 ซ.ม.
จึงเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ตอนแรกไม่กล้าจับ หาเศษไม้มาเขี่ยดู ก่อนจะเอามือไปจับ พบว่าไม่มีน้ำหนักมากเหมือนเหล็ก จึงถือกลับบ้านมาล้างทำความสะอาด จากนั้นได้ค้นหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต พบว่าในอินเตอร์เน็ตระบุว่าเป็นสะเก็ดดาว แต่ไม่มั่นใจเพราะเราไม่มีความรู้ด้านนี้ จึงโทรแจ้งสื่อ
นายบุญมา ยังทดลองด้วยการเอาแก๊สมาเผาวัตถุดังกล่าว ปรากฏว่าไม่ไหม้ จะร้อนเฉพาะส่วนที่เผาเท่านั้น ความร้อนไม่ลามไปเหมือนเหล็ก ตอนนี้อยากรู้ว่าวัตถุดังกล่าวเป็นอะไรที่รูปร่างลักษณะแบบนี้และมีน้ำหนักเพียง 50 กรัม(ครึ่งขีด)เท่านั้น จึงอยากให้ผู้ที่มีความรู้มาชี้แนะ โดยได้เก็บไว้ที่บ้านเผื่อจะมีผู้รู้มาไขปัญหาได้
ต่อมาผู้สื่อข่าวลองหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตพบว่า เคยมีผู้พบหินดังกล่าวหลายครั้งแล้ว ส่วนใหญ่จะเข้าใจว่าเป็นหินอุกกาบาต แต่ทางกรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เคยออกมาชี้แจ้งว่า วัตถุดังกล่าวเรียกว่า อุลกมณี หรือ เทคไทต์ เป็นหินเนื้อแก้ว สีเข้ม ผิวขรุขระ มีขนาดและรูปร่างต่างๆกัน
เกิดจากชั้นหิน ดิน ทรายบนเปลือกโลก ถูกอุกกาบาตที่ตกลงมากระทบพื้นโลกด้วยแรงดันสูงส่งผลให้หินดิน ทรายบริเวณนั้น เกิดความร้อนจัดจนหลอมอย่างรวดเร็วและพุ่งกระเซ็นขึ้นไปบนอากาศตามแรงกระแทก เกิดการเย็นตัวและแข็งตัวอย่างรวดเร็วกลางอากาศ จนทำให้มีลักษณะเป็นเนื้อแก้ว ส่วนใหญ่ประกอบด้วยแร่ซิลิกา มีลักษณะเป็นเนื้อแก้วโปร่งแสง เมื่อเวลาถูกแสงไฟแสงบางส่วนจะทะลุผ่าน ไม่ได้เรืองแสงแต่อย่างใด