เดือดกลางถนน หนุ่มฉุนทำร้ายแท็กซี่ ไม่สนใจว่ามีเด็กอยู่บนรถแม้ผู้โดยสารจะไปขอร้องแล้วก็ตาม อ้างเหตุไม่พอใจที่ไม่มีการเปิดไฟกระพริบ งานนี้ทำขวัญเด็กกระเจิงแม่เข้าแจ้งความแต่ทำอะไรไม่ได้มาก
หากพูดการใช้รถใช้ถนน นอกจากจะต้องมีสติในการควบคุมรถแล้ว การมีน้ำใจและให้อภัยในเรื่องเล็กๆน้อยๆก็สำคัญไม่แพ้กัน ยิ่งเป็นถนนในเขตกรุงเทพฯควรต้องมีความใจเย็นเป็นอย่างมาก เนื่องจากถนนบางเส้นมีทางที่ค่อนข้างแคบอีกทั้งยังมีผู้อยู่อาศัยเป็นจำนวนมาก บางครั้งหากมีการเรียกใช้บริการแท็กซี่ ผู้โดยสารและผู้ขับอาจต้องรบกวนเวลาของผู้ใช้รถใช้ถนนรายอื่นซึ่งอาจสร้างความรำคาญให้ได้ ดังนั้นหากเป็นเวลาเพียงเล็กน้อยก็น่าจะพอให้อภัยกันได้
อย่างเหตุการณ์กรณีนี้ ผู้ใช้เฟสบุ๊กส่วนตัวรายหนึ่งได้โพสต์ลงกลุ่มเล่าว่า “ขออนุญาติเตือนภัยค่ะ วันนี้สดๆร้อนๆเลยค่ะ ที่รัชดาซอย7 ค่ะ ผู้ชายคนนี้อยู่ดีๆจะมาทำร้ายคนขับรถแท็กซี่ และทุบรถแท็กซี่จนบุบ เขาบอกว่าคนขับแท็กซี่ไม่ยอมเปิดไฟกะพริบ แล้วตอนนั้นมีลูกเราอยู่ในรถแท็กซี่ 2 คน ซึ่งตอนนั้นแท็กซี่กำลังจอดรถรับเราอยู่ค่ะแล้วเราให้ลูกเข้าไปนั่งรอในรถก่อน ส่วนเรากำลังเก็บรถเข็นเพื่อที่จะใส่ไว้ในรถ ลูกเราอายุ2ขวบกับ7ขวบ แล้วเราบอกผู้ชายคนที่จะทำร้ายคนขับแท็กซี่ว่าในรถมีเด็กอยู่2คนซึ่งเป็นลูกเรา เราขอให้เขาหยุดทำแบบนี้ได้ไหม แต่เขาก็ยังไม่ยอมหยุดแล้วลูกเรา2คนตกใจร้องไห้อย่างนี้ แล้วเขาก็เดินอ้อมมาตรงฝั่งคนขับเพื่อที่จะทำร้ายคนขับรถแท็กซี่ค่ะ”
ซึ่งจากภาพจะเห็นได้ว่า ชายรายดังกล่าวใส่ชุดสีเหลืองแขนยาว พยายามที่จะเปิดประตูฝั่งผู้ขับรถแท็กซี่แล้วใช้กำลังทำร้าย ซึ่งผู้ขับแท็กซี่ก็ได้พยายามขับรถออกไปจากที่เกิดเหตุแต่เนื่องจากมีการจราจรที่หนาแน่จึงไม่สามารถไปไหนได้ไกล ทำให้ผู้ก่อเหตุเดินตามมาได้ แม้ผู้โดยสารที่เป็นแม่เด็กที่นั่งอยู่บนรถจะไปขอร้องให้หยุดแล้วก็ตาม จนพลเมื่องดีที่อยู่บริเวณนั้นทนไม่ไหวต้องเข้ามาช่วยห้าม
เบื้องต้น ผู้โดยสารที่มากับลูกได้เล่าว่า เมื่อวานวันที่ (19 ก.พ. 65) ตนจะไปทำธุระที่ห้างจึงได้เรียกใช้บริการแท็กซี่ เมื่อแท็กซี่จอดจึงให้ลูกทั้ง 2 ขึ้นไปรอบนรถส่วนตนกำลังนำรถเข็นไปไว้ที่นั่งข้างคนขับ จู่ๆผู้ก่อเหตุก็ได้ลงจากมอเตอร์ไซค์แล้วเริ่มเข้ามาต่อว่าและทุบรถอ้าวว่าผู้ขับแท็กซี่ไม่เปิดไฟกระพริบ
ทั้งนี้ ผู้โดยสารได้ไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วเนื่องจากลูกเสียขวัญเป็นอย่างมาก แต่เจ้าหน้าตำรวจไม่สามารถดำเนินคดีได้ เนื่องจากผู้โดยสารไม่ใช่ผู้เสียหาย ในกรณีนี้ผู้ขับแท็กซี่เป็นผู้เสียหายหากจะดำเนินคดีต้องเข้ามาแจ้งความเอง