"หญิงตั้งครรภ์" ควรฉีดวัคซีน "โควิด-19" หรือไม่?

Home » "หญิงตั้งครรภ์" ควรฉีดวัคซีน "โควิด-19" หรือไม่?
"หญิงตั้งครรภ์" ควรฉีดวัคซีน "โควิด-19" หรือไม่?

กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เผยผลสำรวจพบหญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 77 ราย ส่วนใหญ่ ไม่มีอาการ และพบการติดเชื้อในไตรมาสสุดท้ายของการตั้งครรภ์ถึงร้อยละ 81.5  แนะนำหญิงตั้งครรภ์ควรฉีดวัคซีนป้องกัน แต่ให้เหมาะควรฉีดช่วงหลังอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ พร้อมย้ำป้องกันตัวเองต่อเนื่อง สวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง ล้างมือ

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากกการประชุมคณะทำงานการดูแลสุขภาพหญิงตั้งครรภ์ และหลังคลอดที่ติดเชื้อโควิด-19 ที่ผ่านมา ได้นำเสนอข้อมูลการสำรวจของกรมอนามัยล่าสุด 28 เมษายน 2564 พบหญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 77 ราย ไม่มีอาการ 43 ราย มีอาการปอดอักเสบ แต่ไม่ได้ใส่ท่อช่วยหายใจ 21 ราย เสียชีวิต 1 ราย ส่วนใหญ่ร้อยละ 81.5 ติดเชื้อในไตรมาสสุดท้ายของการตั้งครรภ์ โดยข้อมูลการใช้วัคซีนในหญิงตั้งครรภ์พบยังมีไม่มาก แต่หญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อโควิด-19 มีความเสี่ยงที่โรคจะรุนแรงกว่าคนทั่วไป

ข้อปฏิบัติของหญิงตั้งครรภ์ ช่วงโควิด-19 ระบาด

  1. การนัดหมายตรวจครรภ์ กรณีตั้งครรภ์ในช่วงไตรมาสแรกและไตรมาสที่ 2 โดยไม่มีการนัดตรวจพิเศษอื่นๆ สามารถโทรติดต่อขอเลื่อนนัดตรวจครรภ์ออกไปตามความเหมาะสม ส่วนในรายที่อายุครรภ์ 32 สัปดาห์เป็นต้นไป และในรายที่เป็นกลุ่มครรภ์เสี่ยงสูงหรือมีโรคร่วม ได้แก่ โรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน ธัยรอยด์ หัวใจ หอบหืด ปอดเรื้อรัง ไต และภูมิต้านทานผิดปกติ ควรไปฝากครรภ์ตามแพทย์นัดทุกครั้ง โดยมีการนัดเวลาล่วงหน้า เพื่อลดระยะเวลาอยู่โรงพยาบาลให้สั้นที่สุด
  2. หลีกเลี่ยงการเดินทางโดยระบบขนส่งสาธารณะ
  3. แนะนำให้มีผู้ติดตามไม่เกิน 1 คนและสวมหน้ากากตลอดเวลาที่ออกนอกบ้าน พกเจลแอลกอฮอล์ติดตัวเพื่อล้างมือให้สะอาดเมื่อจำเป็น
  4. ระหว่างนั่งรอตรวจหรือรับยา ให้เว้นระยะห่างจากผู้อื่นอย่างน้อย 2 เมตร
  5. เมื่อกลับถึงบ้านให้ถอดหน้ากากทิ้งอย่างถูกวิธี ล้างมือ และเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที
  6. สังเกตอาการผิดปกติของการตั้งครรภ์ เช่น บวม ลูกดิ้นน้อยลง มีเลือดออกทางช่องคลอด เจ็บครรภ์ น้ำเดิน หากมีอาการดังกล่าว ให้โทรประสานกับหน่วยบริการที่ฝากครรภ์เพื่อส่งต่อโรงพยาบาลต่อไป

แนะนำหญิงตั้งครรภ์ ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19

นายแพทย์เอกชัย เพียรศรีวัชรา ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมสุขภาพ และโฆษกกรมอนามัย กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมอนามัยโดยสำนักส่งเสริมสุขภาพ ได้ประชุมหารือร่วมกับ รศ.นายแพทย์ชเนนทร์ วนาภิรักษ์ ประธานอนุกรรมการอนามัยแม่และเด็ก ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย พร้อมด้วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อ และอนุกรรมการมารดาและทารกปริกำเนิด ภายใต้คณะกรรมการอนามัยแม่และเด็กแห่งชาติ ได้ข้อสรุปในเบื้องต้น โดยมีคำแนะนำว่า หญิงตั้งครรภ์ทุกคนควรได้รับวัคซีน และควรได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับประโยชน์และอาการข้างเคียงจากการฉีดวัคซีน รวมทั้งความเสี่ยงที่จะติดโรคโควิด-19 และความรุนแรงของโรค ก่อนตัดสินใจ

ซึ่งหญิงตั้งครรภ์ที่ควรได้รับวัคซีนก่อนนั้น มีหลักการพิจารณาเช่นเดียวกับบุคคลทั่วไป ได้แก่ กลุ่มที่เสี่ยงต่อการติดโรค เช่น บุคลากรทางการแพทย์ หรือบุคคลที่ทำงานในลักษณะที่ต้องสัมผัสกับคนหมู่มาก บุคคลที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคสูง รวมถึงกลุ่มที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดโรครุนแรงเมื่อติดเชื้อ เช่น หญิงตั้งครรภ์ที่มีโรคประจำตัว เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคปอดเรื้อรัง หอบหืด น้ำหนักตัวมากเกินเกณฑ์

ช่วงเวลาครรภ์ที่ควรฉีดวัคซีน

สำหรับช่วงเวลาที่แนะนำให้ฉีดวัคซีนคือช่วงหลังอายุครรภ์ 12 สัปดาห์เป็นต้นไป และแนะนำให้ฉีดวัคซีนซิโนแวคก่อน เนื่องจากผลิตจากเชื้อที่ตายแล้ว ในขณะที่แอสตราเซเนกา เป็น viral vector vaccine มีโอกาสเกิดอาการไข้หลังฉีดได้มาก และมีรายงานการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหญิงที่อายุน้อยกว่า 30 ปี แต่พบน้อยมาก สำหรับหญิงที่วางแผนจะตั้งครรภ์ และหญิงให้นมบุตร สามารถรับการฉีดวัคซีนได้เช่นเดียวกับบุคคลทั่วไป 

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ