‘ดิเรกฤทธิ์’ ชี้ ปัญหาสูตรปาร์ตี้ลิสต์ ส.ส.ต้องแก้เอง ส.ว.ไม่ร่วมวงลงชื่อยื่นศาลรธน.ตีความ มองสภาฯ ล่ม เพราะเทคนิคไม่แสดงตน กระทบต่อการพัฒนาการเมือง
เมื่อวันที่ 16 ส.ค. 2565 นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม ส.ว. ให้สัมภาษณ์ถึงท่าทีของ ส.ว. ต่อการร่วมเข้าชื่อกับ นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ เพื่อยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ว่า ส.ว.ส่วนใหญ่ เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ และเป็นสภาถ่วงดุล มีความเป็นกลาง
นายดิเรกฤทธิ์ กล่าวต่อว่า ดังนั้น การร่วมเข้าชื่อในประเด็นดังกล่าวจะไม่มี ส.ว. เข้าร่วม และส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องของ ส.ส. ที่มีทั้งฝ่ายเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย ที่จะต้องดำเนินการ ขณะที่ส.ว.ไม่ควรร่วมลงชื่อ ซึ่งตนจะไม่ร่วมเข้าชื่อกับนพ.ระวี แต่ยังขอสิทธิส่วนตัวที่จะแสดงความเห็น
“การยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความเป็นเรื่องที่ทำได้ เมื่อมีข้อสงสัย หรือไม่เห็นด้วยกับแนวทาง และมีความเห็นไม่ตรงกัน ยอมรับว่าทั้งฝ่ายที่สนับสนุนให้หาร 100 หรือหาร 500 ในร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ต่างมีประเด็นที่มองได้ว่าขัดกับรัฐธรรมนูญ และกรณีที่ขณะนี้กลับไปใช้ร่างฉบับของคณะรัฐมนตรี (ครม.) หากมีปัญหาที่สงสัยว่าจะขัดรัฐธรรมนูญ จะต้องนำไปสู่การยุติข้อสงสัยโดยให้ศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบ” นายดิเรกฤทธิ์ กล่าว
นายดิเรกฤทธิ์ กล่าวถึงประเด็นการเล่นเกมเทคนิคไม่ร่วมแสดงตน เพื่อเป็นเหตุให้ร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณา ไม่แล้วเสร็จตามกรอบเวลา ว่า ในประเด็นดังกล่าวมีความเห็นแบ่งเป็น 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายที่มองว่าเป็นการไม่ทำหน้าที่ตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ ที่ให้สมาชิกรัฐสภาต้องมีหน้าที่เข้าร่วมประชุมพิจารณากฎหมาย
นายดิเรกฤทธิ์ กล่าวต่อว่า อีกฝ่ายมองว่าเป็นการทำหน้าที่เพื่อยับยั้งร่างกฎหมายที่ไม่ถูกต้อง ส่วนตัวมองว่าผู้ที่ไม่มาร่วมประชุมคือ ไม่มาทำหน้าที่ และอาจทำให้เป็นปัญหาทางการเมืองได้ในอนาคต รวมถึงเกิดทัศนคติการทำงาน พฤติกรรมที่ไม่ถูกต้องได้ เช่นเดียวกับกรณีที่มีการวิจารณ์บุคคลที่กินเงินเดือนแต่ไม่ทำหน้าที่
“อนาคตหากมีคนไม่ชอบรัฐบาล ไม่ต้องมาลงมติไม่ไว้วางใจให้นอนอยู่บ้าน หรือไม่ถูกใจกฎหมายก็นอนอยู่บ้าน เพื่อเป็นการแสดงความคัดค้าน ซึ่งวิธีการแบบนี้ ผมไม่เห็นด้วย และอาจจะกระทบต่อการพัฒนาการเมือง ส่วนกรณีที่มีส.ว.มาร่วมแสดงตน 150 คน ไม่มา 99 คนนั้น ยอมรับว่าเป็นเพราะมีความเห็นต่าง
ทั้งนี้ หากประเด็นดังกล่าวจะถูกนำไปโยงเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนจริยธรรมตามรัฐธรรมนูญกำหนด เชื่อว่าสามารถทำได้ เพราะบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญเขียนไว้ และเป็นหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภาที่ถูกยื่นต้องอธิบาย เบื้องต้นผมทราบว่าจะมีผู้ที่ไปยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และศาลรัฐธรรมนูญในประเด็นดังกล่าว” นายดิเรกฤทธิ์ กล่าว