เมื่อวันที่ 7 พ.ค. 2567 ที่ผ่านมา นางสุพัตรา หรือยายสุข จรดี อายุ 75 ปี อาชีพแม่ค้าขายข้าวไข่เจียว ได้เข้าแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่สอบสวน สภ.บางใหญ่ ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี หลังจากเวลา 13.00 น. ขณะขายข้าวไข่เจียวอยู่บริเวณอาคารบางใหญ่ซิตี้ ตึกB ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ได้ถูกชายไม่ทราบชื่อ 2 คน ขับกระบะไม่ทราบรุ่น สีขาว ไม่มีป้ายทะเบียน บุกเข้าทวงเงินก่อนจะทำร้ายร่างกายและพังข้าวของเสียหาย พร้อมถุยน้ำลายและข่มขู่ห้ามเปิดร้านไม่งั้นจะพังอีก
นางสุพัตราหรือยายสุขเล่าว่า ตนเคยไปกู้เงินนอกระบบมาเป็นจำนวน 5,000 บาท ได้ส่งดอกลอยกับคนชื่อก้อง ตั้งแต่ช่วงเดือน เม.ย. ปี2566 โดยจ่ายค่าดอกเบี้ยอย่างเดียววันละ 100 บาท ไม่รวมเงินต้นและส่งดอกทุกวันมาตลอดหลายเดือน จนกระทั่งเมื่อช่วงเดือน พ.ย.- ธ.ค. ปีที่แล้ว ตนไม่แน่ใจว่าเดือนไหนเพราะจำไม่ค่อยได้ เขามีโครงการประนอมหนี้ตนจึงได้นัดกับทางเจ้าหนี้ไปที่ศูนย์ดำรงธรรมเพื่อขอให้เขายกเลิกดอกเบี้ยให้ และจะขอจ่ายเงินต้นเพราะที่ผ่านมาจ่ายดอกทุกวันรวม ๆ แล้วก็เกือบ 20,000 บาท แต่ทางเจ้าหนี้ไม่ยอมมาตกลงกันและไม่ได้เข้ามาเก็บเงินตั้งแต่นั้นมา ตนจึงไม่ได้ส่งดอกตั้งแต่ช่วงนั้นเป็นต้นมา
- เช็คบิล! ฝรั่งหัวร้อน บีบคอคนขับตุ๊กตุ๊ก ปมทวงเงินถอน คาห้องพักกระบี่
- นางร้าย ทนไม่ไหว! ทวงเงินลูกหนี้ผ่านสื่อ หลังเห็นอีกฝ่ายกินหรูอยู่แพง ?
- ตั๊ก ศิริพร แชร์โพสต์เจ้าหนี้ทวงเงิน จั๊กกะบุ๋ม ลั่น ควรพิจารณาตัวเอง!
จนมาเมื่อช่วงบ่ายโมงวัน 7 พ.ค. 2567 ได้มีผู้ชาย 2 คนขับรถกระบะสีขาว ไม่มีป้ายทะเบียน มาจอดที่หน้าร้าน ก่อนจะเดินเข้ามาถามว่าต้องการเงินไหม ชายคนดังกล่าวได้มองหน้าตนและบอกว่าคุ้น ๆ เลยโทรหาใครก็ไม่รู้ให้ช่วยเช็ค แล้วบอกว่าตนเคยกู้เงินจากเขาไปแล้วรอบนึงและบอกว่าตัวเขาเป็นเจ้าของเงินที่ตนไปกู้มา
ไม่นานชายคนดังกล่าได้เดินเข้ามาในร้านเอามือล้วงเข้าไปในเอี้ยมหาเงิน ตนได้บอกไปแล้วว่าไม่มี ๆ แต่เขาไม่ยอมหยุด ก่อนจะเอาโทรศัพท์มือถือตบเข้ามาที่หน้าตน 1 ครั้ง และกระชากเสื้อบอกว่าไปเจอกันที่โรงพักและพยายามจะลากไปขึ้นรถแต่ตนกลัวจึงบอกไปว่าเดียวไปเอง เพราะไม่รู้ว่าเขาจะพาไปโรงพักจริงหรือไม่ ซ้ำร้ายยังเดินไปหน้าร้านเพื่อพังทำลายข้าวของและถุยน้ำลายใส่ข้าวที่วางขายอยู่หน้าร้าน ซึ่งตอนนั้นก็มีลูกค้านั่งกินข้าวอยู่ แถมยังข่มขู่อีกว่าถ้าไม่ได้เงิน วันไหนเปิดร้านก็จะเข้ามาพังร้านอีก
นางสุพัตรากล่าวต่ออีกว่า ทุกวันนี้ตนหาเงินเลี้ยงลูกชาย อายุ 50 ปี ที่พิการขาขวาขาดเพียงลำพัง บางวันขายของได้ไม่ดี ก็ยอมรับว่ามีไปกู้เงินเจ้าอื่นอีกหลายเจ้า แต่เจ้าหนี้คนอื่นเขาเข้าใจ ให้ส่งวันละ 20-50 บาท วันไหนเราไม่มีเราก็บอกไปตามตรงไม่เคยมาหาเรื่องหรือมาทำลายข้าวของแบบนี้ ทุกวันนี้รายจ่ายหลายทางทั้งค่าห้อง ค่าน้ำค่าไฟ ค่าเช่าร้าน แต่ตนก็ไม่เคยคิดหนีแต่อย่างใด พยายามหาเงินมาใช้ให้ครบทุกคน แต่ถ้าเขาอยากได้ชีวิตก็ยินดียกให้เพราะตนก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว
ทางด้านผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า ตนกำลังนั่งกินข้าวอยู่ สักพักก็มีรถกระบะเข้ามาจอดหน้าร้าน แล้วก็มีผู้ชาย 2 คนเดินลงจากรถมาหายายที่ร้านแล้วก็ด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย ตนก็ไม่ทันได้มองหน้าผู้ชายทั้ง 2 คน แล้วก็ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรกันแต่จริง ๆ แล้วก็ไม่ควรเข้ามาด่าแกแบบนี้ เพราะยายแกอายุเยอะแล้วแล้วก็อยู่คนเดียว ตนไม่ทันเห็นตอนเขาใช้โทรศัพท์ตบหน้า แต่เห็นตอนที่เขาปัดข้าวของที่วางขายหน้าร้านทิ้งแล้วก็ถุยน้ำลายใส่หน้าร้าน ตกใจที่อยู่ ๆ มาทำกันแบบนี้ ส่วนตัวแล้วไม่ได้กลัวอะไรแค่สงสารยายมากกว่า