จากกรณีหญิงคนหนึ่งอ้างว่าตนตั้งท้องและได้ไปฝากท้องที่ รพ.ปทุมธานี และอ้างว่าระหว่างที่ตั้งท้อง 7 เดือน ก็มีการตั้งท้องซ้อนขึ้นมาในถุงน้ำคร่ำอีก 1 ใบ
จนวันที่จะคลอดแพทย์กลับแจ้งว่า ลูกในท้องคนแรกไม่อยู่แล้ว แต่ไม่ได้ให้เหตุผล จึงมาร้องเพจสายไหมต้องรอดให้ตรวจสอบว่าเด็กหายไปได้อย่างไร ขณะที่ทางสาธารณสุขจังหวัดปทุมธานีได้ตรวจสอบพบว่า หญิงคนดังกล่าวมารับบริการที่ รพ. 15 ครั้ง แต่ 11 ครั้งไม่ได้เกี่ยวข้องกับการตั้งท้องแต่อย่างใด
จากการตรวจสอบ OPD การ์ด พบว่าจากบัตรคิว 4 ครั้ง ที่หญิงคนดังกล่าวอ้างว่ามาฝากครรภ์ มีเพียงครั้งเดียวที่พบแพทย์จริงในวันที่ 19 สิงหาคม 2567 แต่เป็นการรักษาอาการปวดเมื่อยตัว คลื่นไส้ อาเจียน ไม่ใช่การฝากครรภ์ ส่วนการตรวจครรภ์ครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2568 หลังพบว่าประจำเดือนขาด 2 เดือน
และระหว่างการแถลงข่าว ได้มีการให้หญิงคนดังกล่าวชี้ตัวสูตินารีแพทย์ ที่อ้างว่าตรวจครรภ์ให้ จากแพทย์ทั้ง 8 คนที่อยู่ในห้อง ผู้กล่าวหาระบุว่าไม่มีแพทย์คนดังกล่าว แต่มีสูตินารีแพทย์หนึ่งคนยืนยันว่าเป็นผู้ตรวจครรภ์ให้ในเดือนมกราคม 2568
ล่าสุดที่ รพ.ปทุมธานี นางกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังพูดคุยกับ หญิงคนดังกล่าว อายุ 38 ปี กรณีอ้างว่าท้อง 9 เดือน แล้วลูกหายในครรภ์
หลังจากตนพูดคุยส่วนตัวกับหญิงคนดังกล่าว ซึ่งตนบอกกับเขาว่า เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้เกิดความวุ่นวาย สร้างความเสียหายต่อรัฐ และทำให้ความเชื่อมั่นของกระทรวงสาธารณสุขเสียหาย ดังนั้นควรจะพูดความจริง จนสุดท้ายหญิงคนดังกล่าว ยอมรับสารภาพว่า ไม่ได้ท้องจริง ส่วนเหตุผลที่ทำไปนั้น ไม่อยากบอกว่าทำเพราะอะไร