กลายเป็นเรื่องฮือฮาในหมู่ชาวเน็ต หลังมีหญิงสาวออกมาเปิดเผยผ่านเว็บบอร์ด DCard ของไต้หวันว่า เธอเลิกใส่กางเกงในมาเป็นเวลา 4 ปีแล้ว ผลปรากฏว่า “รู้สึกว่าสุขภาพดีขึ้นกว่าเดิม” โดยเฉพาะสุขภาพของจุดซ่อนเร้น ซึ่งในเรื่องนี้ คุณหมอมาคอนเฟิร์มว่าจริง
สาวผู้โพสต์เล่าว่า เธอเคยมีปัญหาเกี่ยวกับจุดซ่อนเร้น จึงเปลี่ยนนิสัยมาลอง “ไม่ใส่กางเกงใน” ซึ่งก็ทำต่อเนื่องมาได้ 4 ปี จนชินกับการที่ไม่ใส่กางเกงชั้นในไปแล้ว เธอจะใส่เฉพาะวันที่มีประจำเดือนเท่านั้น และส่วนใหญ่ยังชอบนุ่งกระโปรงมากกว่ากางเกง เพื่อไม่ให้มีปัญหาอวัยวะไปเสียดสีกับกางเกง หลังจากลองปล่อยเซอร์ ปล่อยโล่งมาได้ 4 ปี พบว่าสุขภาพน้องสาวของเธอดีขึ้นอย่างน่าเหลือเชื่อ ไม่มีอาการคัน และไม่ต้องไปพบหมอสูฯ อีกเลย
ชาวเน็ตเสียงแตกเป็นสองฝั่ง ส่วนหนึ่งก็ยังทำใจไม่ได้ที่จะเลิกใส่กางเกงใน แต่บางคนก็เข้ามาเสริมว่า เลิกใส่กางเกงในแล้วเหมือนกัน และติดใจมากๆ เพราะสุขภาพจุดซ่อนเร้นดีขึ้นจริงๆ
ขณะที่รายงานของ China Times เผยบทสัมภาษณ์ของ นพ.เจิ้ง เฉิงเจี๋ย ผู้อำนวยการโรงพยาบาล Xiu Chuan ในไทเป ให้ข้อมูลว่า ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนและอับชื้น ทำให้สาวๆ มีความเสี่ยงจะเกิดเชื้อราในร่มผ้า โดยเฉพาะจุดอับที่สุดอย่างจุดซ่อนเร้น คุณหมอจึงบอกว่า การที่สาวผู้โพสต์บอกว่า เลิกใส่กางเกงในแล้วสุขภาพดีขึ้นนั้น ก็มีเหตุผลส่งเสริมว่าจริง เพราะการระบายอากาศในส่วนนั้นของสาวๆ ให้อากาศถ่ายเทมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ยิ่งทำให้สุขภาพจิ๊มิดีขึ้นได้จริง
แต่จริงๆ แล้ว อาจจะไม่ต้องถึงกับปล่อยโล่ง ไม่ใส่กางเกงใน แค่ไม่สวมกางเกงยีนส์รัดๆ หรือกางเกงในผ้าไหมที่ไม่ระบายอากาศ และใส่กระโปรงเป็นครั้งคราว ก็ช่วยให้น้องสาวได้ระบายอากาศได้ดีแล้ว
แต่หากผู้หญิงอยู่ในช่วงมีประจำเดือน ช่วงตกไข่ หรือเพิ่งมีเพศสัมพันธ์ อาจจะมีเลือด หรือสารคัดหลั่ง ออกมาจากจุดนั้น ดังนั้นก็ควรจะสวมชุดชั้นในในช่วงดังกล่าวจะดีกว่า