กกต.เคาะแล้ว ส.ส.เขต 400 ที่นั่ง 77 จังหวัด กทม.มากสุด 33 ที่นั่ง โคราช 16 เชียงใหม่ ขอนแก่น อุบลฯ 11 นครศรีธรรมราช สงขลา 9 สั่งจังหวัดเร่งแบ่งเขต 3 รูปแบบ
เมื่อวันที่ 2 ก.พ.2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกิตติพงษ์ บริบูรณ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ปฏิบัติหน้าที่แทนเลขาธิการกกต. มีหนังสือด่วนที่สุด ลงวันที่ 1 ก.พ.65 ถึงผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดทั้ง 76 จังหวัดและกรุงเทพมหานคร แจ้งประกาศจำนวนราษฎรตามหลักฐานการทะเบียนราษฎร์ และการเตรียมความพร้อมในการแบ่งเขตเลือกตั้งส.ส. หลังสำนักทะเบียนกลางกระทรวงมหาดไทย ส่งประกาศสำนักทะเบียนกลาง เรื่องจำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักรตามหลักฐานการทะเบียนราษฎร์ วันที่ 31 ธ.ค.64 ซึ่งได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาไปเมื่อวันที่ 18 ม.ค.65 มาให้
สำนักงานฯ ได้คำนวณจำนวนส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งที่แต่ละจังหวัดจะพึงมี ตามหลักเกณฑ์ที่รัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม 2564 กำหนด เพื่อให้สำนักงานกกต.ประจำจังหวัดและกรุงเทพมหานคร ที่จำนวนส.ส.แต่ละจังหวัดจะพึงมีเกิน 1 คน เตรียมแบ่งเขตเลือกตั้งไว้ล่วงหน้าอย่างน้อย 3 รูปแบบ และเมื่อกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้อง มีผลใช้บังคับจะได้ดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนดต่อไป
สำหรับหลักเกณฑ์คำนวณจำนวนส.ส.ที่แต่ละจังหวัดจะพึงมี และการแบ่งเขตเลือกตั้งเป็นไปตามรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม 2564 มาตรา 86 โดยจากจำนวนราษฎรทั้งประเทศที่สำนักทะเบียนกลางประกาศรวม 66,171,439 คน และกฎหมายกำหนดให้มีส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง 400 คน กกต.คำนวณจำนวนราษฎรเฉลี่ยต่อส.ส. 1 คน อยู่ที่ 165,428.5975 คน
จังหวัดที่มีส.ส.มากสุด ยังคงเป็น กรุงเทพมหานคร 33 คน ตามมาด้วย นครราชสีมา มีส.ส. 16 คน ส่วนที่มีส.ส. 11 คน มี 3 จังหวัดคือ ขอนแก่น เชียงใหม่ และอุบลราชธานี
มีส.ส. 10 คนมี 2 จังหวัดคือ ชลบุรี และบุรีรัมย์
มีส.ส.9 คนมี 4 จังหวัด คือ นครศรีธรรมราช ศรีสะเกษ สงขลาและอุดรธานี
มีส.ส. 8 คนมี 5 จังหวัดคือ เชียงราย นนทบุรี ร้อยเอ็ด สมุทรปราการ และสุรินทร์
มีส.ส 7 คนมี 4 จังหวัด คือ ชัยภูมิ ปทุมธานี สกลนคร และสุราษฎร์ธานี
มีส.ส. 6 คนมี 5จังหวัดคือ กาฬสินธุ์ นครปฐม นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ และมหาสารคาม
มีส.ส. 5 คนมี 7 จังหวัด คือ กาญจนบุรี นราธิวาส พระนครศรีอยุธยา พิษณุโลก ระยอง ราชบุรี และสุพรรณบุรี
มีส.ส. 4 คน มี 12 จังหวัด คือกำแพงเพชร ฉะเชิงเทรา ตรัง ตาก นครพนม ปัตตานี ลพบุรี ลำปาง เลย สมุทรสาคร สระบุรี และสุโขทัย
มีส.ส. 3 คนมี 19 จังหวัด คือ กระบี่ จันทบุรี ชุมพร น่าน บึงกาฬ ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี พะเยา พัทลุง พิจิตร เพชรบุรี แพร่ ภูเก็ต ยโสธร ยะลา สระแก้ว หนองคาย หนองบัวลำภู และอุตรดิตถ์
มีส.ส. 2 คน มี 10 จังหวัด คือชัยนาท นครนายก พังงา มุกดาหาร แม่ฮ่องสอน ลำพูน สตูล อ่างทองอำนาจเจริญ และอุทยธานี
มีส.ส. 1 คนมี 4 จังหวัด คือ ตราด ระนอง สมุทรสงคราม และสิงห์บุรี
ทั้งนี้ หากคิดจำนวนส.ส.เป็นรายภาค โดยตามประกาศกกต. เรื่องบัญชีรายชื่อภาคและจังหวัด 2560 ภาคกลาง กรุงเทพมหานคร และ 26 จังหวัด จะมีส.ส. 139 คน ภาคใต้ 14 จังหวัดจะมีส.ส. 58 คน ภาคเหนือ 16 จังหวัด จะมีส.ส. 71 คน และภาคอีสาน 20 จังหวัดจะมีส.ส 132 คน
อย่างไรก็ตาม น่าสังเกตว่ารัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม 2560 มาตรา 86 ได้กำหนดหลักเกณฑ์การคํานวณจํานวนส.ส.ที่แต่ละจังหวัดจะพึงมี และการแบ่งเขตเลือกตั้งโดยให้ใช้จำนวนราษฎรทั้งประเทศตามหลักฐานการทะเบียนราษฎร์ที่ประกาศในปีสุดท้ายก่อนปีที่มีการเลือกตั้ง หากสภาผู้แทนราษฎรชุดปัจจุบันจะอยู่ครบวาระ 4 ปีนับแต่เลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค.62 ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ประกาศก่อนหน้านี้
การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นหลัง 24 มี.ค.66 จะต้องใช้ข้อมูลทะเบียนราษฎร์ปี 2565 โดยปกติแล้วสำนักทะเบียนกลาง กระทรวงมหาดไทย จะประกาศในช่วงต้นเดือนม.ค.ของปีถัดมา เป็นฐานคิดคำนวณจำนวนส.ส.ที่แต่ละจังหวัดจะพึงมี
แต่การที่กกต.ใช้ข้อมูลทะเบียนราษฎร์ปี 2564 เป็นฐานคิดคำนวณจำนวนส.ส.ที่แต่ละจังหวัดจะพึงมี และสั่งให้จังหวัดเตรียมเรื่องแบ่งเขตเลือกตั้งคู่ขนานกับการที่รัฐสภาจะพิจารณากฎหมายลูก 2 ฉบับที่เกี่ยวข้อง คือร่างแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และร่างแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง หากแล้วเสร็จและประกาศให้มีผลใช้บังคับ สามารถจัดเลือกตั้งได้ทันที กรณีดังกล่าวอาจเป็นการส่งสัญญาณว่า อาจมีการยุบสภาและมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นภายในปี 2565 นี้ก็ได้