สังคมสลด ลูกสาวหนีจากบ้านเช่า แม่ล่ามโซ่บังคับค้ากาม ซ้ำเคยถูกพ่อแท้ๆ กระทำชำเรา

Home » สังคมสลด ลูกสาวหนีจากบ้านเช่า แม่ล่ามโซ่บังคับค้ากาม ซ้ำเคยถูกพ่อแท้ๆ กระทำชำเรา
สังคมสลด ลูกสาวหนีจากบ้านเช่า แม่ล่ามโซ่บังคับค้ากาม ซ้ำเคยถูกพ่อแท้ๆ กระทำชำเรา

พมจ.บุรีรัมย์ พร้อมทนายอั๋น รุดช่วยหญิงวัย 23 หนีจากบ้านเช่าขอความช่วยเหลือมูลนิธิฯ อ้างถูกแม่แท้ๆ บังคับขายบริการเอาเงินไปซื้อยาบ้าเสพ ผกก.สั่งเร่งรวบรวมหลักฐาน นำตัวทั้งแม่และผู้ที่ซื้อบริการมาสอบสวน ทั้งส่งตรวจหาคราบอสุจิและสภาพจิตใจ เข้าข่ายบังคับค้าประเวณี ด้านมูลนิธิฯ รับดูแลชั่วคราวเพื่อความปลอดภัย

ความคืบหน้ากรณีที่ น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 23 ปี ได้หนีออกจากบ้านเช่าหลังหนึ่งในตัวเมืองบุรีรัมย์ ไปขอความช่วยเหลือกับนายวรุต ขำเอนก ผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อให้โอกาส ที่ อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ โดยเธออ้างว่าทนไม่ไหวที่ถูกแม่แท้ๆ บังคับให้ไปหลับนอนกับชายสูงอายุ ซึ่งเป็นเจ้าของห้องเช่าแลกกับเงินครั้งละ 200 – 1,000 บาท เพื่อที่แม่จะเอาเงินดังกล่าวไปจ่ายค่าเช่าห้อง และซื้อยาบ้าเสพ

หากเธอไม่ยอมทำตามที่แม่บังคับ ก็จะถูกแม่ทำร้ายร่างกายด้วยการใช้ท่อ พีวีซี.ทุบตีตามแขน ขา แผ่นหลัง ทั้งใช้ธูปที่จุดไฟจี้ตามร่างกาย บางครั้งก็จับศรีษะโขกกับพื้นเลือดออก จนต้องจำใจยอมทำตามที่แม่บังคับมาตลอดรวมประมาณ 10 ครั้ง ซ้ำร้ายไปกว่านั้นหากเธอดิ้นขัดขืนไม่อยากร่วมหลับนอนกับชายที่ซื้อบริการ ก็จะใช้โซ่ล่ามเอาไว้ บางครั้งก็ใช้โซ่เฆี่ยนตี และใช้มือบีบคอ ซึ่งล่าสุดถูกกระทำเมื่อวันที่ 4 มิ.ย.67 ที่ผ่านมา จนเธอรับไม่ไหวทั้งสภาพร่างกายและจิตใจ จึงตัดสินใจหนีออกไปขอความช่วยเหลือ

ล่าสุด นางสิรินุช นพตลุง ผอ.ศูนย์บริการคนพิการจังหวัดบุรีรัมย์ สนง.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมด้วยนายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ ทนายอั๋นบุรีรัมย์ ได้ลงพื้นที่หาแนวทางช่วยเหลือ น.ส.เอ หญิงวัย 23 ที่อ้างว่าถูกแม่บังคับขายบริการและถูกทำร้ายร่างกาย โดยเบื้องต้นต้องรอผลตรวจยืนยันจากแพทย์ก่อน

ขณะที่มูลนิธิเพื่อให้โอกาสได้รับตัว น.ส.เอ ไปดูแลชั่วคราวที่มูลนิธิฯ เพื่อความปลอดภัย และจนกว่าจะมีความชัดเจนว่าจะดำเนินการช่วยเหลือในแนวทางไหนบ้าง และจะให้ไปพักพิงหรือใช้ชีวิตอยู่ที่ไหนอย่างไร ที่จะไม่เสี่ยงถูกกระทำซ้ำอีก เพราะตอนที่น้องอายุ 12 ปีก็เคยถูกพ่อแท้ๆ กระทำชำเรามาแล้ว

พ.ต.อ.จำรัส ศิริเลี้ยง ผู้กำกับการ สภ.เมืองบุรีรัมย์ ระบุว่า เบื้องต้นพนักงานสอบสวนก็ได้รับแจ้งความไว้แล้ว จากนั้นก็จะเรียกผู้เป็นแม่ที่ถูกกล่าวหา รวมถึงผู้ที่ซื้อบริการมาสอบปากคำให้ได้ข้อเท็จจริง พร้อมทั้งรอผลการตรวจร่างกายจากแพทย์ว่าถูกล่วงละเมิดทางเพศจริงหรือไม่ ซึ่งหากมีหลักฐานยืนยันได้ว่า ทั้งแม่และผู้ซื้อบริการที่ถูกกล่าวหามีการกระทำผิดจริง ก็จะต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย

นางสิรินุช นพตลุง ผอ.ศูนย์บริการคนพิการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวหากผลตรวจทางร่างกายพบว่าน้องถูกบังคับขายบริการจริง ในทางคดีก็เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะดำเนินการไปตามกระบวนการ ทั้งนี้แพทย์ก็จะตรวจประเมินสภาพจิตด้วย เนื่องจากน้องเคยมีประวัติด้านพัฒนาช้า ซึ่งหากผลตรวจจากแพทย์แล้วพบว่าน้องมีความพิการหรือพัฒนาการช้าหรือไม่ หากมีความพิการก็จะช่วยเหลือทำบัตรผู้พิการ และให้ความช่วยเหลือตามสิทธิ์ผู้พิการ แต่หากแพทย์ระบุว่าไม่ได้เป็นผู้พิการ ก็จะให้ความช่วยเหลือตามแนวทางคนไร้ที่พึ่ง ซึ่งสิ่งที่น่าเป็นห่วงคือสภาพจิตใจและการใช้ชีวิตหลังจากนี้ เพื่อไม่ให้ตกอยู่ในภาวะเสี่ยงที่จะถูกกระทำซ้ำในลักษณะดังกล่าวอีก

ด้านทนายอั๋น กล่าวว่า ส่วนตัวก็พร้อมติดตามช่วยเหลือเรื่องคดีความเพื่อให้ได้รับความเป็นธรรม เพราะหากน้องถูกแม่แท้ๆ บังคับให้ไปขายบริการเพื่อเอาเงินไปซื้อยาบ้าเสพติดจริง ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่เลวร้ายมาก แล้วเมื่อทราบประวัติน้องว่าเคยถูกพ่อกระทำชำเราตอนอายุ 12 ปี ถือว่าน้องเผชิญเรื่องราวที่ย่ำแย่มาก น้องควรจะได้รับการช่วยเหลือเพื่อไม่ให้ต้องกลับไปเจอเหตุการณ์แบบนี้อีก ซึ่งก็ดีใจที่มีหลายหน่วยงานยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือน้อง

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ