ศบค.ลดพื้นที่สีแดงเข้มเหลือแค่ “กทม.-นนท์-ปทุมฯ-สมุทรปราการ” ร้านอาหารเปิดนั่งได้ไม่เกิน 25% จนถึง 3 ทุ่ม รอนายกฯ พิจารณาให้ความเห็นชอบ
วันนี้ (15 พ.ค.) นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงถึงมติที่ประชุม ศบค. ว่า เห็นชอบลดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด เหลือ 4 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ, พื้นที่ควบคุมสูงสุด 17 จังหวัด และพื้นที่ควบคุม 56 จังหวัด
โดยที่ประชุมได้ผ่อนคลายให้พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด สามารถนั่งทานในร้านได้ในสัดส่วนไม่เกิน 25% ภายในเวลาไม่เกิน 3 ทุ่ม สั่งกลับบ้านไม่เกิน 5 ทุ่ม, พื้นที่ควบคุมสูงสุดสามารถนั่งทานในร้านได้ไม่เกิน 5 ทุ่ม, พื้นที่ควบคุม สามารถทานในร้านได้ตามปกติ และทุกพื้นที่ยังงดจำหน่ายและดื่มสุรา
ทั้งหมดต้องนำเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบ จากนั้นจะประกาศในราชกิจจานุเบกษา ส่วนวันและเวลาจะแจ้งให้ประชาชนรับทราบอีกครั้ง เร็วที่สุดคือเที่ยงคืนที่จะถึงนี้หรือไม่ก็คืนวันพรุ่งนี้ ส่วนวันนี้ยังไม่สามารถนั่งทานในร้านได้
นอกจากนี้ นายแพทย์ทวีศิลป์ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมมีการวิเคราะห์การติดเชื้อในแต่ละพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร ซึ่งเขตต่างๆ มีความเข้มข้นแตกต่างกันไป โดยผู้ติดเชื้อกระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพมหานครชั้นในเป็นส่วนใหญ่ โดยขณะนี้มี 17 เขตที่ต้องเฝ้าระวัง ได้แก่ ดินแดง วัฒนา คลองเตย หลักสี่ ลาดพร้าว ราชเทวี พระนคร ดุสิต ป้อมปราบศัตรูพ่าย สวนหลวง ปทุมวัน สาทร สัมพันธวงศ์ จตุจักร สีลม ประเวศและวังทองหลาง รวม 27 คลัสเตอร์ ซึ่งในจำนวนนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการสอบสวนและควบคุมโรค 20 คลัสเตอร์ ดำเนินการควบคุมได้และใกล้ปิดการสอบสวนแล้ว 7 คลัสเตอร์
ทั้งนี้ กลุ่มเฝ้าระวังสูงสุด คือ กลุ่มคลัสเตอร์ก่อสร้าง เนื่องจากมีคนงานทั้งหมดที่ กทม. รายงานจากเขตต่างๆ ทั้ง 50 เขต จำนวน 59,757 คน ซึ่งในจำนวนนี้มีต่างชาติอยู่ 36,400 คน และยังมีคลัสเตอร์ที่ต้องเฝ้าระวังเพิ่มเติม อาทิ แคมป์คนงานก่อสร้างที่เขตวัฒนา มีอัตราการติดเชื้อ 17% และในชุมชนแออัด เขตทวีวัฒนา มีอัตราการติดเชื้อ 15%
ทั้งนี้ ได้กำชับให้ทุกเขตใน กทม. แจ้งจำนวนคนงานในแคมป์แต่ละเขต และแจ้งผู้ประกอบการรวมทั้งแรงงานทั้งหมดให้เข้มงวดกวดขันในการดูแลทั้งความเป็นอยู่ สถานที่ และพฤติกรรมโดยส่วนตัวของคนงานด้วย