จังหวะก้าวทางการเมืองของพรรคก้าวไกลกำลังเสนอ “คำถาม” อันแหลมคม
ไม่เพียงเป็นคำถามต่อพรรคอันเป็นคู่สัประยุทธ์อย่าง 1 พรรครวมไทยสร้างชาติ 1 พรรคพลังประชารัฐ 1 พรรคภูมิใจไทย 1 พรรคประชาธิปัตย์
หากแม้กระทั่ง 1 พรรคเพื่อไทยก็มองด้วยความประหลาดใจ
บทบาทและการเคลื่อนไหวของพรรคก้าวไกลจึงนำไปสู่การเปรียบเทียบกับสภาพการณ์ในอดีตด้วยความหวั่นไหวและไม่แน่ใจ
ไม่ว่าจะเป็นอดีตหลังปี 2516 ไม่ว่าจะเป็นอดีตหลังปี 2519
ต้องยอมรับว่าสถานการณ์เดือนตุลาคมทั้ง 2516 และ 2519 มีผลสะเทือน
ผลสะเทือนหลังเดือนตุลาคม 2516 มีผลดีเพราะทำให้เกิดพรรคพลังใหม่ ทำให้เกิดการรวมตัวกันของนักสังคมนิยมเก่าเป็นพรรคแนวร่วมสังคมนิยม
และยกระดับถึงขั้น พรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทย
แต่แล้วเมื่อประสบกับการล้อมปราบกลางเมืองอย่างทารุณโหดร้ายในเดือนตุลาคม 2519 สถานการณ์ก็พลิกกลับไปในด้านตรงกันข้าม
การต่อสู้อยู่ในแนวป่า มากกว่าจะอยู่ในรัฐสภา
จึงเห็นได้ชัดว่าสถานการณ์การต่อสู้ดำเนินไปอย่างสัมพันธ์กันทั้งในและนอกสภา
การเคลื่อนไหวนอกรัฐสภามีผลสะเทือนต่อในรัฐสภา การเคลื่อนไหวนอกรัฐสภามีผลสะเทือนต่อในรัฐสภา
ไม่ว่ารัฐประหาร 2549 ไม่ว่ารัฐประหาร 2557
อาจกล่าวได้ว่าพรรคอนาคตใหม่เกิดขึ้นจากสถานการณ์รัฐประหาร และต่อเนื่องมายังพรรคก้าวไกล
กระทั่งสร้างความหวั่นไหวให้กับการเลือกตั้งเดือนพฤษภาคม
ไม่มีใครให้คำตอบได้ว่าผลการเลือกตั้งในเดือนพฤษภาคมจะออกมาอย่างไร
เพียงแต่คาดหมายว่าชัยชนะน่าจะเป็นของพรรคเพื่อไทย เพียงแต่คาดหมายว่าชัยชนะน่าจะเป็นของพรรคก้าวไกล
แต่ชัยชนะนี้จะนำไปสู่ก้าวใหม่ทาง การเมืองหรือไม่ ยังเป็นคำถามอยู่