เห็นบทบาทของ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หลายคนนึกถึง พ.ต.ต.อนันต์ เสนาขันธ์
บทบาทของ พ.ต.ต.อนันต์ เสนาขันธ์ บทบาทของ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ มีส่วนอย่างสำคัญต่อการปฏิรูป“ตำรวจ”
เพียงแต่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ยกกรณี “ธุรกิจสีเทา”ขึ้นมา
ในขณะที่ พ.ต.ต.อนันต์ เสนาขันธ์ และขบวนการ “ชนวน”นำเอาตำแหน่ง”อธิบดีกรมตำรวจ”มาเป็นตัวตั้งเพื่อสร้างจุดเปลี่ยน
จากที่เคยเป็นของ “ทหาร” มาเป็นของ “ตำรวจ”
ไม่ว่ากรณีของ พ.ต.ต.อนันต์ เสนาขันธ์ ไม่ว่ากรณีของ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์
เมื่อแรกปรากฏและสำแดงตัวตนออกมา สังคมล้วนมองด้วยความระแวงแคลงคลางใจ พยายามขุดให้ได้ว่ามาอย่างไรด้วยมือของใคร
ยิ่งเมื่อแตะไปยัง“การเมือง” ยิ่งเกิดความสงสัย
เนื่องจากเส้นทาง พ.ต.ต.อนันต์ เสนาขันธ์ ในที่สุดก็แตะไปยังพรรคชาติไทย เช่นเดียวกับวันนี้ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ แตะไปยังพรรคภูมิใจไทย
เมื่อเป็น“การเมือง”เรื่องจึง“ร้อน”มาคุ
การขยายของ พ.ต.ต.อนันต์ เสนาขันธ์ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ล้วนมีเหตุปัจจัย
ต้องยอมรับว่าการเติบโตกระทั่งประสบความสำเร็จของ พ.ต.ต.อนันต์ เสนาขันธ์ มาจากสถานการณ์ความตื่นตัวหลังเดือนตุลาคม 2516
ขณะที่ของ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เป็นยุคของ “รุ่นใหม่”
เป็นรุ่นใหม่ที่มองการขยายตัวของ“ธุรกิจสีเทา” อย่างหวาดระแวง เป็นรุ่นใหม่ที่มองการขยายตัวของบางพรรคการเมืองอย่างสงสัย
“สถานการณ์” จึงกลายเป็น “เนื้อดิน” อย่างดี
กรณีของ พ.ต.ต.อนันต์ เสนาขันธ์ จะเป็นบทเรียนให้กับ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์
เมื่อถือเอาการปฏิรูป“ตำรวจ”เป็นเหมือนกระดานหกทะยานเข้าไปสร้างประเด็นในทางการเมืองและ ก่อผลสะเทือนในทางการเมือง
จะสำเร็จหรือล้มเหลวไม่นานคงได้คำตอบ