ปัญหาเรื่อง การชาร์จแบต iPhone ไม่เข้านั้น อาจเกิดขึ้นกับผู้ใช้บางราย บางครั้ง มันทำให้เราต้องเสียเวลานำเครื่องไปให้ช่างตรวจเช็ค แล้วก็พบว่าไม่ได้เป็นอะไร แค่ผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้นเอง จริง ๆ แล้ว เมื่อเกิดปัญหาขึ้น เราควรลองตรวจเช็คด้วยตัวเองก่อน ตามขั้นตอนต่อไปนี้ เพราะบางที เราก็สามารถแก้ไขมันได้ด้วยตัวเองที่บ้าน
ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นกับการชาร์จแบตไม่เข้านั้น มี 2 สาเหตุ คือ สาเหตุจากฮาร์ดแวร์ และสาเหตุจากซอฟต์แวร์ เพราะ iPhone ก็เหมือนกับเครื่องคอมพิวเตอร์ องค์กระกอบทั้งสอง คือฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์นั้น สามารถเป็นต้นเหตุได้ด้วยกันทั้งคู่ และเมื่อเกิดปัญหาขึ้นกับการชาร์จ ไม่ว่าแบตของคุณจะเหลือน้อยเต็มที หรือว่าแบตหมดไปแล้วก็ตาม ลองทำดังนี้
1. จัดการ Hard reset
หลาย ๆ คนอาจจะไม่เชื่อ ว่าการ Hard reset นี้ สามารถแก้ปัญหาที่เกี่ยวกับซอฟต์แวร์ได้หลายอย่าง ยิ่งถ้าหากว่าจอภาพของ iPhone นั้น ไม่มีอะไรขึ้นมาเลย ไม่ตอบโต้อะไรเลย ก็คงต้องลองจัดการด้วยวิธีนี้ก่อน เสียบสายชาร์จเข้ากับ iPhone ก่อน เสียบปลั๊กไฟให้เรียบร้อย แล้วลองรอดูประมาณ 2-3 นาที ว่ามีอะไรขึ้นมาที่หน้าจอบ้างหรือไม่ ถ้าไม่มี ก็ให้กดแช่ที่ปุ่ม Home และปุ่ม Sleep/Wake พร้อม ๆ กัน ประมาณ 7-10 วินาที ถ้าหาก iPhone มีปัญหาที่ซอฟต์แวร์
วิธีการนี้จะไปจัดการ Back up และ Reboot หากทำสำเร็จ คุณจะเห็นรูปโลโก้ของแอปเปิลปรากฏขึ้นมา และ iPhone ก็จะใช้งานได้ตามปกติ วิธีนี้จะไม่เป็นการลบความจำต่าง ๆ ในโทรศัพท์ แต่ถ้าหากคุณกำลังทำงานอะไรอยู่ ก่อนที่โทรศัพท์จะดับลงนั้น คุณไม่สามารถเรียกมันกลับคืนมาได้
2. ตรวจเช็คสายชาร์จ และตัว Adapter
หากลอง Hard reset แล้ว ไม่ได้ผล ต้องลงตรวจอุปกรณ์ชาร์ต ดูว่าสายมีการหัก หรือฉีกขาดจุดใดหรือไม่ มีจุดไหนมีรอยไหม้หรือดูว่ามีการละลายบ้างหรือเปล่า อาจจะลองทดสอบดู โดยลองเอาสายชาร์จ สายอื่น แต่ต้องเป็นแบรนด์ของแอปเปิ้ล มาลองเสียบดู เพราะปัญหาอาจอยู่ที่สาย ต่อมาเช็ตตัว Adapter โดยลองสลับกับตัวอื่นเช่นกัน วิธีนี้ จะทำให้รู้ว่า จุดไหนที่เป็นปัญหา ตัวสาย หรือตัว Adapter
3. ตรวจเช็คพอร์ตสำหรับเสียบชาร์จ
เพราะการนำออกไปใช้งาน หรือการใส่ไว้ในกระเป๋าถือ อาจจะมีสิ่งสกปรกเข้าไปติด หรือเกิดความเสียหายขึ้นกับพอร์ตได้ ลองสังเกตุ และทำความสะอาดดูก่อน เมื่อทำความสะอาดแล้ว ให้ลองเสียบชาร์จใหม่อีกครั้ง
หากลองตรวจเช็ค และแก้ไขปัญหาด้วยวิธีง่าย ๆ ข้างต้นแล้วยังไม่ได้ผล ปัญหาอาจจะอยู่ที่ตัวฮาร์ดแวร์ ซึ่งต้องส่งเครื่องเข้าซ่อม และในการส่งซ่อมนั้น ช่าง ก็จะต้องลองทำตามวิธีข้างต้นก่อนเช่นกัน ซึ่งถ้าคุณได้ลองทำมาหมดแล้ว ก็จะเป็นข้อมูลที่ดี ทำให้เสียเวลาในการตรวจสอบและส่งซ่อมน้อยลง
ที่มา: www.gottabemobile.com