เตือนถึงภัยร้ายหน้าฝน เนื่องจากมีหนุ่มโพตส์เฟสบุ๊คกับเหตุการณ์ โดน งูกัดไข่ ขณะกำลังนั่งชักโครก ทำธุระส่วนตัวภายในห้องน้ำในบ้านตัวเอง งูได้โผล่ขึ้นมาจากชักโครก จนทำให้เกือบเสียของรักของหวงไป แต่ในที่สุดหนุ่มก็จัดการกับเหตุการณ์นี้ได้สำเร็จ วันนี้ ไบรท์ทีวี (BrightTV) จึงนำวิธีการจัดการกับงูมาฝากค่ะ หากงูเข้ามาทางชักโครกจะจัดการอย่างไร และจุดสำคัญในบ้านที่งูมักจะมาหลบซ่อนตัวจะเป็นจุดไหนบ้าง เพราะเหตุการณ์งูเข้าบ้าน ถือเป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ที่ไม่มีใครอยากเจอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน ห้องน้ำ ห้องที่มีไว้เพื่อปลดทุกข์ แต่ดันมีข่าวออกมาว่าเป็นห้องที่เจองูบ่อยสุดซะอย่างนั้น เราจะมีวิธีจัดการอย่างไรกับปัญหานี้ ไปดูพร้อมกันค่ะ
- หนุ่มช็อก! โพสต์ ‘เตือนภัยหน้าฝน’ หลังโดนงูชก จนเกือบเสียไข่
- ช็อก! งูเหลือมเลื้อยเข้าบ้านฉกหญิงสูงวัย ลูกชายเตือนเป็นอุทาหรณ์
- เช็กที่นี่! รวบรวม สายด่วนฉุกเฉิน โทรแจ้งเหตุ อุบัติเหตุ มีติดเครื่องไว้ อุ่นใจกว่า
งูเข้าชักโครกด้วยวิธีใด?
1. มาจากท่อระบายน้ำที่มีรูแตก
ปิดฝาไม่สนิท และไร้การป้องกัน ซึ่งปกติงูมักจะมาหาหนูกินบริเวณนี้ จึงทำให้มีโอกาสเลื้อยเข้ามาในท่อที่เป็นแหล่งอาหาร และโผล่มาจนถึงชักโครกได้ ส่วนใหญ่มักจะพบที่ห้องน้ำชั้นล่างบ่อยที่สุด
2. มาจากช่องระบายอากาศบนเพดานหรือหลังคา
งูสามารถเลื้อยเกาะเกี่ยวต้นไม้หรืออะไรก็ได้บริเวณนั้น แล้วทะลุเข้าไปในท่อระบายอากาศ และแอบเลื้อยเข้ามาในบ้าน หรือทะลุลงไปสู่ท่อระบายน้ำที่เชื่อมต่อกัน และโผล่ขึ้นมาในชักโครกได้
3. มาจากการเปิดประตู-หน้าต่างห้องน้ำทิ้งไว้
การเปิดประตู หรือหน้าต่างห้องน้ำทิ้งไว้ จะทำให้งูแอบเลื้อยเข้ามาหลบ และเมื่อพวกมันร้อนก็จะหนีลงไปหาน้ำในชักโครกนั่นเอง
เมื่อเจองูในชักโครก ต้องทำอย่างไร?
เมื่อเจองูในชักโครก อย่างแรกต้องรีบตั้งสติ แล้วปิดฝาชักโครกทันที จากนั้นหาของหนัก เช่น กล่องใส่ของหรืออิฐ มาวางทับไว้ด้านบน แล้วปิดประตู-หน้าต่างให้สนิท อย่าเคลื่อนไหวเร็ว หรือวิ่งหนี เพราะงูจะตกใจและเคลื่อนตัวเร็ว และโทร.แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มาจับ โทร. 199 เจ้าหน้าที่กู้ภัย โทรได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ทั้งนี้ ถ้าหากโชคร้ายถูกงูกัดไปแล้ว ให้รีบล้างแผลแล้วไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด เพราะไม่ว่าจะเป็นงูมีพิษ หรือไม่มีพิษ ก็เป็นอันตรายต่อร่างกายได้เหมือนกัน
วิธีป้องกันงูในชักโครก
1. ติดตาข่ายหรือตะแกรงที่ท่อระบายน้ำ
วิธีป้องกันงูในชักโครกที่ง่ายที่สุด คือการหาอุปกรณ์ เช่น ตาข่าย ตะแกรง มุ้งลวด มาติดปิดปากท่อระบายน้ำเอาไว้ เพื่อช่วยบล็อกไม่ให้งู รวมถึงสัตว์อื่น ๆ เช่น หนู กบ เล็ดลอดเข้ามา แต่ก็ยังปล่อยให้ท่อระบายน้ำทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพไปพร้อม ๆ กัน และควรหมั่นตรวจสอบและทำความสะอาดบริเวณปากท่ออยู่เสมอ ไม่เช่นนั้นอาจส่งผลให้การไหลเวียนมีปัญหา ติดขัด ทำงานช้า และมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้
2. ติดปล่องระบายอากาศบนหลังคา
นอกจากจะติดตาข่าย ตะแกรง มุ้งลวด ที่ปากท่อระบายน้ำแล้ว อย่าลืมติดลูกหมุนหรือปล่องระบายอากาศที่ปากท่อระบายอากาศบนหลังคาด้วย เพราะสิ่งนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้งูหรือสัตว์ตัวอื่นเลื้อยเข้ามาจากด้านบนได้ แถมยังเป็นการช่วยถ่ายเทอากาศภายในบ้านให้ดีขึ้นอีกด้วย
3. สำรวจท่อระบายและบริเวณรอบบ้าน
คอยตรวจสอบฝาปิด รูรั่ว และช่องโหว่รอบบ้าน ไม่ว่าจะบนผนัง กำแพง หรือท่อระบายน้ำ เพราะเป็นจุดสำคัญที่ทำให้งูเข้ามาภายในห้องน้ำและห้องอื่น ๆ นั่นเอง และก็แน่นอนว่าถ้าหากพบจุดเสี่ยงต่าง ๆ ควรหาทางแก้ไขและซ่อมแซมทันที อย่าปล่อยทิ้งไว้เด็ดขาด เพราะจะยิ่งทำให้เสี่ยงมากขึ้น
และควรมีฝาปิดบ่อพักน้ำ เนื่องจากบ่อพักน้ำในระบบระบายน้ำมักอยู่ภายนอกอาคาร มีลักษณะเป็นโพรงที่มีความชื้น มืดและเย็น ซึ่งเป็นที่ที่งูชอบอาศัยอยู่อาศัยมาก ทำให้ต้องหมั่นดูแลบำรุงรักษาให้อยู่ในสภาพที่ดีและควรหาฝามาปิดเพื่อป้องกันงูเข้าไปด้วย
4. กำจัดหนูหรือจิ้งจก
อีกหนึ่งเคล็ดลับสำคัญที่ช่วยป้องกันงูในชักโครกก็คือ การกำจัดสัตว์ตัวเล็ก ๆ อย่างหนูหรือจิ้งจก ไม่ให้มีแหล่งอาหารของงู อย่าให้มีเล็ดลอดอยู่ในบ้าน เช่น ปิดฝาถังขยะให้มิดชิด เก็บกวาดบ้านให้สะอาด ไม่ให้รก ไม่ให้มีกลิ่นเหม็น หรือบางทีอาจจะใช้กับดักเข้ามาช่วย
5. ใช้อุปกรณ์ป้องกันงู
ไอเทมช่วยป้องกันงู ช่วยอำนวยความสะดวกมากขึ้น อย่างท่อกันงูหรือกล่องกันงู ฉะนั้นใครอยากจะสบายใจหรือหาทางป้องกันตั้งแต่ต้น เปลี่ยนมาใช้ถังบำบัดน้ำเสียกันงู ถังบำบัดน้ำเสียทั่วไปมีโอกาสที่งูจะเลื้อยเข้ามาทางท่อระบายน้ำทิ้ง แล้วหลุดเข้ามายังถังบำบัดน้ำเสีย แล้วมาโผล่ที่คอห่านโถส้วมได้ แต่หากใช้ถังบำบัดน้ำเสียกันงู ตัวถังจะมีตะแกรงซึ่งดักไม่ให้งูผ่านเข้าไปยังโถส้วมได้
5 จุดเสี่ยงในบ้านที่งูมักจะเข้าไปซ่อน
- รอยแตกหรือรอยร้าวบนผนัง และร่องใต้ประตู
- บนเพดาน
- ห้องน้ำ
- กระถางต้นไม้
- ในสวน