ล่มอีกตามเคย! สภาฯโหรงเหรง ถกงบประมาณยังอืด นัดใหม่อีกครั้ง 23 ส.ค. ฟากสมาชิกรุมตัดงบรัฐวิสาหกิจ ปช.อัดไม่โปร่งใส หาเงินให้รบ.ไม่เหมาะ
เมื่อเวลา 16.20 น. วันที่ 20 ส.ค.65 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 วงเงิน 3.185 ล้านล้านบาท เข้าสู่การพิจารณา มาตรา 28 งบประมาณรายจ่ายของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ที่ กมธ.เสียงข้างมากตัดงบเหลือ 21,500,641,400 บาท
โดยนายนิคม บุญวิเศษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังปวงชนไทย อภิปรายว่า ขอตัดลดงบเพียง 1% เพราะเห็นความสำคัญ งบกลุ่มจังหวัดไม่เคยเพียงพอแม้แต่ปีเดียว ทั้งที่ภาระหน้าที่มีมากขึ้น แต่ไม่โอนงบประมาณให้ เช่น กรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบทที่โอนภาระเรื่องการสร้างถนนเชื่อมหมู่บ้าน หรือเชื่อมตำบล แต่ไม่โอนงบประมาณมาให้ด้วย หลายพื้นที่เป็นหลุมเป็นบ่อ บางพื้นที่ไม่เคยลาดยาง ท้องถิ่นระบุว่าไม่มีงบประมาณ ส่วนเรื่องน้ำอุปโภคบริโภคก็มีปัญหาโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสานซึ่งน้ำไหลน้อย รวมถึงแหล่งน้ำเพื่อทำการเกษตรก็ไม่มีงบประมาณขุดลอก จะใช้น้ำใต้ดินก็ไม่มีไฟฟ้าที่จะใช้สูบน้ำขึ้นมาอีก ดังนั้นขอให้จัดสรรงบประมาณให้ท้องถิ่นอย่าเหลื่อมล้ำโดยเฉพาะพื้นที่ชนบทซึ่งงบไม่เคยพอ การพัฒนาจะได้เท่าเทียมกัน คนในชนบทจะได้ไม่เดินทางเข้าเมือง
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ในปี 2561 มีการประกาศใช้ พ.ร.บ.วิธีงบประมาณรายจ่ายฯ ของสำนักงบประมาณ เริ่มบังคับใช้กับท้องถิ่นในปี 2563 ซึ่งบางข้อในการจัดสรรงบประมาณไปยังท้องถิ่นมีปัญหา ขัดแย้งกฎหมายหลายมาตรา ซึ่งเกิดปัญหามาตั้งแต่นั้น ผู้นำท้องถิ่นระบุตรงกันว่าถูกพักโครงการ แต่มีการอนุมัติงบประมาณเรียบร้อย เช่น โครงการตลาดอินโดจีน จ.มุกดาหาร ได้งบ 150 ล้านบาท มีการเบิกจ่ายไปแล้ว 60 กว่าล้านบาทเป็นการซ่อมบำรุงตลาด พอปี 2563 สำนักงบประมาณไม่โอนงบประมาณมาอีก เพราะกลัวขัด พ.ร.บ.วีธีงบประมาณฯ เรียกเงินกลับเกือบทั้งประเทศ เบิกจ่ายแล้วชักกลับไปอยู่ที่งบกลางของนายกฯ อีกแล้ว ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ก็ใช้งบแบบชี้นิ้วเอา ถูกใจ พอใจตรงไหนก็แจก พอมาถึงปี 2566 ขอฝาก กมธ.ไปหารือกับสำนักงบประมาณให้หาวิธีคืนงบประมาณให้ท้องถิ่น โดยอาจจะใช้มติ ครม.เพื่อคืนได้
จากนั้นที่ประชุมลงมติเห็นชอบมาตรา 28 ด้วยคะแนน 215 ไม่เห็นด้วย 55 ไม่ลงคะแนน 1 งดออกเสียง 2 เสียง
จากนั้นเวลา 17.30 น. เข้าสู่การพิจารณามาตรา 29 งบประมาณรายจ่ายของรัฐวิสาหกิจ ที่ กมธ.เสียงข้างมากตัดงบเหลือ 84,707,557,300 บาท โดยนายสิริพงศ์ อัคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย อภิปรายว่า ขอปรับลดงบการประปาส่วนภูมิภาค 5% หรือ 150 ล้านบาท เพราะหลายจังหวัดมีชาวบ้านยังคงร้องเรียนเรื่องน้ำประปาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการขยายเขตประปาและการเพิ่มกำลังส่งประปา หลายพื้นที่น้ำไม่ไหลถึงครึ่งปี นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ชุมชนเล็กๆ ยังไม่มีโอกาสได้ใช้น้ำประปาเลย เช่น ชุมชนหนึ่งในพื้นที่เขตเทศบาลเมืองศรีสะเกษตั้งแต่ปี 63 ซึ่ง กปภ.ระบุว่าการดำเนินการวางท่อประปาเส้นนี้ 100 ม.ใช้งบ 9.6 หมื่นบาท แต่ไม่มีงบ ต้องรอเงินเหลือจ่ายจากปี 2564-2565 มาจนถึงตอนนี้เทศบาลเมืองศรีสะเกษ ได้จ่ายขาดเงินสะสมเงินอุดหนุนให้ กปภ.แล้ว แต่ กปภ.กลับเรียกเก็บเงินจากเทศบาลคือ 1 แสนกว่าบาทซึ่งสูงกว่าเงินที่ กปภ.ประมาณราคา ตนจึงขอตัดงบ กปภ.ลงหากท่านยังไปเหลียวมามองชาวบ้านที่อยู่ข้างหลัง
ด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ อภิปรายว่า ขอตัดงบลง 10% เพราะรัฐวิสาหกิจจำนวนมากไม่มีความโปร่งใส นำเงินมาให้รัฐบาลไม่เหมาะสม เช่น การยางแห่งประเทศไทย เมื่อเกิดวิกฤติยางใบร่วงชนิดใหม่ขึ้น ทำให้ปริมาณน้ำยางหายไป 40-50% วันนี้ตลาดโลกต้องการ 30 ล้านตัน แต่เรามียางดิบทั้งโลกเพียง 13 ล้านตัน ขณะที่ รมว.เกษตรฯ กลับไม่ใช้กฎหมายควบคุมยางให้เป็นประโยชน์ ส่งผลให้พ่อค้ารวยหมด ขณะที่เกษตรกรขายขาดทุน เมื่อการยางไม่เข้าไปรักษาเสถียรภาพราคา ถือว่ารัฐบาลและการยางฯ สอบตก
นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า ขอตัดงบสถาบันการบินพลเรือนที่ขอจัดซื้อครุภัณฑ์ โดยสำนักงบฯ ตัดเหลือ 33.3 ล้านบาท โดยในชั้นในอนุกรรมาธิการฯ พบปัญหาเรื่องของเอกสารใบเสนอราคาที่ใช้เอกสารปลอมมาของบประมาณ ส่วนเจ้าที่ชนะการประกวดราคามีประวัติทำเครื่องบินตก 3 ครั้ง ซึ่งสถาบันฯ ก็จะยังของบซื้อเครื่องบินรุ่นที่มีปัญหา จึงไม่เหมาะสมจะให้งบประมาณ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาฯ คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธาน กดเรียกให้สมาชิกกดบัตรแสดงตน เพื่อนับองค์ประชุมก่อนลงคะแนนในมาตรา 29 ด้านนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นกล่าวกับประธานว่า ขอให้ลองแพนกล้องดู แล้วจะรู้ว่าไม่ครบองค์ประชุมแน่นอน และอย่าเสียบบัตรแทนกันเลย ในฐานะที่ตนทำหน้าที่ฝ่ายค้าน อยากให้สมบูรณ์แบบ ถ้าไม่ครบก็ไปประชุมต่อวันที่ 23 ส.ค.
ด้านสุชาติ ระบุว่า ไม่เป็นไร แต่อย่ากดบัตรแทนกัน เพราะผิดจริยธรรมและมีตัวอย่างแล้ว และกดออดเรียกให้สมาชิกเข้ามาแสดงตนเป็นองค์ประชุมอีกครั้ง สุดท้ายนายสุชาติระบุว่ารอนานแล้ว ดังนั้นขอนัดประชุมใหม่วันที่ 23 ส.ค. เวลา 13.00 น. จากนั้นสั่งปิดประชุมในเวลา 18.40 น.