เรียกว่าช็อคกันไปทั้งสนามสำหรับเกมยูโร 2020 ระหว่าง ฟินแลนด์ และเดนมาร์ก หลัง คริสเตียน อิริคเซน เพลย์เมกเกอร์ของ ทัพโคนม ล้มฟุบหมดสติในช่วงท้ายเกมครึ่งแรกเมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา
ซึ่งทางทีมแพทย์ถึงขั้นต้องปั๊มหัวใจให้เขากลับมา ที่จากรายงานระบุว่าเขาหยุดหายใจไปถึง 5 นาที ก่อนที่เจ้าตัวจะได้สติ แต่ต้องสวมเครื่องช่วยหายใจ และถูกนำส่งโรงพยาบาลในกรุงโคเปนเฮเกนทันที
อย่างไรก็ดี แม้ว่า ไมเคิล ชูทส์ เอเยนต์ของกองกลางอินเตอร์ มิลาน ยืนยันว่านักเตะในสังกัดของเขาสามารถพูดจาได้ตามปกติ แต่อีริคเซ่น อาจจะเผชิญกับปัญหา ที่อาจทำให้เขาเล่นฟุตบอลต่อไม่ได้ โดยเฉพาะในอิตาลี
ดร. สก็อต เมอร์เรย์ แพทย์โรคหัวใจแห่ง ระบบบริการสุขภาพแห่งชาติ (NHS) ของอังกฤษ ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการป้องกันปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ บอกว่าด้วยกฎหมายของอิตาลี ที่ไม่อนุญาตให้คนมีปัญหาด้านหัวใจเล่นกีฬา คืออุปสรรคสำคัญ
“มันอาจะเป็นจุดจบในอาชีพของเขา อิตาลีไม่อนุญาตให้คนที่มีความผิดปกติด้านหัวใจมาเล่นกีฬา สิ่งนี้อยู่ในกฎหมาย” ดร. สก็อต เมอร์เรย์ กล่าวกับ Daily Mail Online
“พวกเขาทำอย่างนี้มานานมาก เกินกว่า 20 ปี และพวกเขาก็สามารถลดอัตราการตายจากหัวใจวายในการเล่นกีฬา จากเกินกว่า 3 เปอร์เซ็นต์ เหลือเพียงเปอร์เซ็นต์เดียว”
อย่างไรก็ดี ซันเจย์ ชาร์มา อดีตแพทย์ที่เคยตรวจร่างกายของเขาสมัยเล่นให้กับ ท็อตแนมป์ ฮ็อตสเปอร์ ก็ยืนยันว่าเจ้าตัวไม่เคยมีประวัติเป็นโรคหัวใจมาก่อน
“ผมคิดว่าพระเจ้า มีบางอย่างที่เราพลาดไปอย่างนั้นหรือ? แต่ตอนที่ผมดูผลการทดสอบ ทุกอย่างมันดูสมบูรณ์แบบมาก” ดร.ชาร์มา จากมหาวิทยาลัยเซนต์จอร์จแห่งลอนดอนกล่าว
“จากวันแรกที่เราเซ็นสัญญากับเขา งานของผมคือตรวจและทดสอบเขาทุกปี ดังนั้นแน่นอนว่าผลการทดสอบของเขาจนถึงปี 2019 นั้นปกติแน่นอน ไม่มีความผิดปกติทางด้านหัวใจ ผมรับรองได้ เพราะผมเป็นคนทดสอบเอง”
ทว่า ดร.เมอร์เรย์ ก็ยืนยันว่ามันมีโอกาสขึ้นได้ และแสดงให้เห็นถึงความอันตรายของมัน เพราะอันที่จริง กองกลางวัย 29 ปี ก็ค้าแข้งอยู่ในประเทศที่มีระบบตรวจเช็คและคาดการณ์โอกาสที่จะเป็นโรคหัวใจที่ดีที่สุดในโลก
“อิตาลี มีระบบคัดกรองที่ดีที่สุดในโลก จากความพยายามที่จะลดเหตุการณ์เช่นนี้ แต่มันก็ยังเกิดขึ้นในสนาม ดังนั้นแม้ว่าจะมีการคัดกรอง แต่มันก็ยังเกิดขึ้นได้”
“มันอาจจะเป็นเรื่องยากที่จะไม่ให้มันเกิดขึ้นเลย เขาอาจจะเป็น 0.01 เปอร์เซ็นที่ยังเกิดขึ้น”
สำหรับ อีริคเซ่น เตรียมเข้ารับการตรวจร่างกายอย่างละเอียดอีกครั้ง และจะมีการอัพเดทสถานการณ์ต่อจากนี้ ซึ่งหวังว่าเขาจะหายดีในเร็ววัน และกลับมาแข็งแรงดังเดิม