รีวิว iPad Mini การปรับปรุงของ iPad ไซล์เล็กในรอบ 3 ปี

Home » รีวิว iPad Mini การปรับปรุงของ iPad ไซล์เล็กในรอบ 3 ปี
รีวิว iPad Mini การปรับปรุงของ iPad ไซล์เล็กในรอบ 3 ปี

กลับมาพบกับรีวิวจาก Sanook Hitech อีกครั้งรอบนี้มาพบกับ รีวิว Tablet ไซล์เล็กแต่ประสิทธิภาพมาแบบจัดหนักกับ iPad Mini Generation 7 เดินทางมาถึงเวอร์ชั่นนี้มันมีความน่าใช้หรือไม่เรามาดูกันเลย

ดีไซน์ของ iPad Mini Gen 7

batch_img_1700

เรื่องแรกที่เราจะพูดกันเลยคือ ดีไซน์ของ iPad Mini รุ่นนี้ มันแทบไม่แตกต่างจาก iPad Mini รุ่นก่อนหน้านี้เลย เพราะยังมาพร้อมกับหน้าจอ 8.3 นิ้ว Liquid Retina Display พร้อม Refresh Rate 60 Hz ให้ความสว่างและยังมี Jelly Effect  บ้าง พร้อมกับกล้องหน้า 12 ล้านพิกเซลพร้อมวางในแนวนอน และ ไม่มีปุ่ม Homeอีกต่อไป

รอบตัวเครื่องจะมีปุ่มกดต่างๆ ดังนี้

batch_side

batch_img_20241121_191435

  • ด้านบนมาพร้อมกับปุ่มปรับระดับเสียง, Power พร้อมกับปุ่มเพิ่มลด ระดับเสียง และมีไมโครโฟนพร้อมกับลำโพง
  • ด้านล่างมีลำโพงที่ล้อมรอบและช่องเสียบ USB-C
  • ด้านข้างด้านล่างไม่มีปุ่มหรือพอร์ต ยกเว้นมุมขวาจะมาพร้อมกับ ปากกา Pencil ที่รองรับรุ่น Apple Pencil Pro และ Pencil USB-C

batch_img_1703

พลิกมาด้านหลังมาพร้อมกับกล้องหลักความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมกับโลโก้ Apple และมีข้อความว่า iPad Mini ซึ่งความแตกต่างของ iPad Mini Gen 6 กับ Gen 7 จะมีแค่นี้และสีสันเช่นเดียวกัน

ประสิทธิภาพของ iPad Mini

batch_bench

ต้องบอกว่า iPad Mini Generation 7 จะมาพร้อมกับชิป A17 Pro ซึ่งอาจจะมีการปรับเรื่องความแรงที่ลดลงจาก iPhone 15 Pro แต่ภาพรวมแล้วก็ยังดีกว่ารุ่นที่แล้ว ภาพรวมแล้วเมื่อเทียบกับ iPad Mini Generation 6 พบว่า

  • เร็วกว่าเดิม 1.3 เท่า CPU
  • GPU เร็วกว่าเดิม 1.25x 
  • รองรับ Ray Tracing

batch_img_20241110_164305

จุดประสงค์ของการใส่ชิปตัวนี้ได้แก่ การทำงาน Apple Intelligence, ความเร็วที่ทำให้แตกต่างแบบเห็นได้ชัด และ รองรับเกมที่เป็นแบบ Ray Tracing ทำให้ภาพเกมมีการบอกรายละเอียดของตัวละคร ทำให้แสงและเงามีมากขึ้น

ส่วนการเชื่อมต่อมีการเปลี่ยนแปลงเรื่อง Wi-Fi 802.11 AX หรือ Wi-Fi 6e ทำให้แรงมากขึ้น และนอกจากนี้ยังรองรับ Bluertooth และ GPS นำทางได้ดีถ้าเป็นรุ่น 5G และไม่มีถาดใส่ซิมการ์ด

แบตเตอรี่ / การชาร์จไฟ

สำหรับแบตเตอรี่จากการใช้งานพบว่าสามารถใช้งานได้ยาวนาน 10 ชั่วโมงได้อย่างสบายๆ แต่ถ้าเป็นรุ่น Cellular ที่เราได้รับมามาพบว่าสามารถใช้งานได้สูงสุดแค่! 9 ชั่วโมง และนอกจากนี้การชาร์จไฟทำได้ที่กำลัง 20W แต่ด้วยแบตเตอรี่ 19.6 Wh พบว่ามันก็ใช้เวลาชาร์จไฟประมาณหนึ่งนะ

ฟีเจอร์ที่โดดเด่นของ iPad Mini

batch_fe1_1

สำหรับ iPad Mini Gen 7 จะมาพร้อมกับ iPad OS 18 ใหม่ล่าสุดที่ โดยรอบนี้จะมาพภร้อมกับฟีเจอร์ต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะ Apple Intelligence และฟีเจอร์ต่างๆ เหมาะกับการทำงานอยู่แต่อาจจะไม่ได้เหมือนกับรุ่นพี่อย่าง iPad Pro และ iPad Air เช่นเดียวกัน แต่อย่างน้อยรองรับ ปากกา Apple Pencil USB-C และ Apple Pencil Pro นะ

ผลงานกล้องถ่ายภาพ iPad Mini Generation  7

 batch_img_0003
batch_img_0012
batch_img_0020
batch_img_0039
batch_img_0054

สรุปหลังจาก iPad Mini Generation 7 หลังจากทดลองใช้งาน

batch_img_1697

โดยภาพรวมของ iPad Mini Generation 7 เรียกว่าไม่ได้เปลี่ยนแปลงของตัวเครื่องที่แตกต่างจากรุ่นที่แล้วแค่สเปกของชิปและ RAM ที่เพิ่มขึ้นทำให้เครื่องมีประสิทธิภาพที่เพิ่มมากขึ้น เช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เรายังไม่ได้บอกว่าราคาของเครื่องเท่าไหร่

ราคาของ iPad Mini Generation 7

  • iPad Mini Wi-Fi
    • 128GB = 17,900 บาท
    • 256GB = 21,900 บาท
    • 512GB = 28,900 บาท
  • iPad Mini Wi-Fi + Cellular
    • 128GB = 23,900 บาท
    • 256GB = 27,900 บาท
    • 512GB = 34,900 บาท

อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับราคาแล้วถือว่าทำได้ดี และรุ่นนี้ก็เหมาะกับคนที่ต้องการใช้งานทั่วไป หรือ เล่นเกม และต้องการความกะทัดรัดกว่า แถมในเรื่องการทำงานตัดต่อบ้าง iPad Mini เป็นคำตอบที่เด่นอยู่นะ

สเปก iPad Mini Generation 7

คุณสมบัติ iPad Mini Gen 7
ขนาด 195.4 x 134.8 x 6.3 มม.
น้ำหนัก 293 กรัม (Wi-Fi) / 297 กรัม (5G)
หน้าจอ Liquid Retina ขนาด 8.3 นิ้ว, ความละเอียด 2266 x 1488 พิกเซล (326 ppi), รองรับขอบเขตสี P3, ความสว่าง 500 nits, True Tone
ขุมพลัง ชิป A17 Pro
RAM 8GB
ความจำในตัว 128GB, 256GB, 512GB
กล้องหน้า Ultra Wide 12MP, f/2.4, มุมกว้าง 122°, Retina Flash, Center Stage
กล้องหลัง Wide 12MP, f/1.8, Focus Pixels, Smart HDR 3, บันทึกวิดีโอ 4K ที่ 24 fps, 25 fps, 30 fps หรือ 60 fps; วิดีโอสโลว์โมชั่น 1080p ที่ 120 fps หรือ 240 fps
การเชื่อมต่อ Wi-Fi 6e (802.11ax), Bluetooth 5.3, รุ่น 5G รองรับ 5G (sub‑6 GHz และ mmWave)
พอร์ต USB-C
แบตเตอรี่ (ประมาณ) 19.3 วัตต์-ชั่วโมง, ใช้งานได้นานสูงสุด 10 ชั่วโมง (Wi-Fi) / 9 ชั่วโมง (5G)
ระบบปฏิบัติการ iPadOS 18
สีสัน ฟ้า, สตาร์ไลท์, ม่วง, สีเทาสเปซเกรย์
ราคาในประเทศไทย เริ่มต้นที่ 17,900 บาท

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ