สุดรันทด! วอนช่วยหญิงสู้ชีวิต ลอกใบจากขายรายได้เดือนละไม่ถึง 2 พันบาท อาศัยเพิงผุพัง หาเลี้ยงผัวตกหลังคาบ้านป่วยติดเตียง-ลูกอีก 2 ชีวิต
เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.65 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีหญิงสาวคนหนึ่งทราบชื่อคือ น.ส.กิตติยา มากสวี อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4/2 หมู่ 1 (บ้านนาเหรียง) ต.ครน อ.สวี จ.ชุมพร มีฐานะทางบ้านยากจน บ้านที่อยู่อาศัยผุพัง ซ้ำยังต้องดูลูกน้อย 2 คน และสามีที่ป่วยนอนติดเตียง ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ โดยผู้เป็นภรรยามีรายได้จากการตัดลอกใบจากส่งขาย ได้เงินไม่ถึง 2 พันบาทต่อเดือน โดยติดต่อผู้สื่อข่าวเพื่อเป็นสื่อกลางให้หน่วยงานเข้าช่วยเหลือ
หลังได้รับแจ้งผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ก่อนติดต่อไปยัง นายศิลปชัย เรือนสูง นายอำเภอสวี จ.ชุมพร และคณะพร้อมด้วย พ.ต.อ.อภิชาต จันทร์สำเร็จ ผกก.สภ.นาสัก และตำรวจสภ.สวี นายวิชัย สุดสวาสดิ์ (สจ.) สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพร อำเภอสวี เขต 1 น.ส.กันยา เมืองสวี รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลครน นางพยอม กรแก้ว ปลัดอำเภอสวี นายสุเทพ จันทร์แก้ว ผู้อำนวยการโรงเรียบบ้านคู และคณะครู โดยมีกำนันผู้ใหญ่บ้าน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ร่วมเดินทางลงพื้นที่
โดยบ้านหลังดังกล่าวอาศัยปลูกอยู่ในสวนปาล์มน้ำมัน สภาพทางเข้าบ้านเป็นถนนซอยเล็กๆ พบ น.ส.กิตติยา หรือเอิง กำลังดูแล นายสายัณห์ ปิ่นทอง อายุ 49 ปี สามีที่ป่วยติดนอนติดเตียงอยู่ภายในเต็นท์ ซึ่งตั้งเป็นที่พักอาศัยชั่วคราว โดยมีลูกสาววัย 9 ปี และลูกชาย วัย 6 ปี วิ่งเล่นอยู่ใกล้ๆ ห่างจากที่พักเล็กน้อย พบบ้านสภาพเอียงเอนใกล้ล้ม มุงหลังคาด้วยสังกะสีเก่าๆ รั่วเป็นสนิม กั้นฝาบ้านด้วยผ้ายางและแผ่นไม้ผุพัง ไม่สามารถอาศัยอยู่ได้ เกรงว่าจะเกิดอันตราย
น.ส.กิตติยา เล่าว่า เมื่อประมาณ 9 เดือนก่อน เกิดฝนตกหนักมีพายุลมพัดแรง ทำให้หลังคาบ้านพังเสียหาย สามีจึงร้องขอกระเบื้องหลังคาจาก อบต.ครน มาซ่อมแซม แต่ไม่ทันได้ซ่อม เกิดลื่นพลัดตกหลังคาบ้านสูงประมาณ 5 เมตร ทำให้มีอาการเจ็บปวดบริเวณหลังและสะเอว จึงไปหาหมอที่โรงพยาบาลใช้สิทธิ์ 30 บาท พออาการเริ่มดีขึ้นจึงกลับบ้าน หลังจากนั้น 4-5 วันมีอาการเจ็บและชาตั้งแต่สะเอวจนถึงปลายเท้าไม่มีความรู้สึก ตั้งแต่วันนั้นจนถึงปัจจุบัน
ขณะนี้ความเป็นอยู่ลำบาก เมื่อสามีซึ่งเป็นเสาหลักของครอบครัวป่วยติดเตียง ตนต้องรับภาระเลี้ยงดูสามีและลูกชาย วัย 6 ปีและลูกสาววัย 9 ปี ทั้งคู่เรียนอยู่ที่โรงเรียนใกล้บ้าน โดยตนมีรายได้จากการไปตัดต้นจากริมคลอง ซึ่งอยู่ห่างไกลบ้านมาก ไปนานก็ไม่ได้ เพราะเป็นห่วงทางบ้าน
เมื่อได้ต้นจากมา ก็นำมาลอกเอาใบตากแห้งส่งขายร้านค้า มีรายได้ไม่พอใช้ เฉลี่ยเดือนละไม่ถึง 2 พันบาท ก่อนหน้านี้ได้รับการช่วยเหลือจากผู้ใหญ่บ้านและอบต.ครน นำปูน อิฐมาให้บ้างแล้วแต่ไม่มีเงินสร้างบ้าน ได้เงินจากผู้ใหญ่บ้าน 500 บาท ต้องนำไปจ่ายให้กับไฟแนนซ์รถจักรยานยนต์ที่ไปจำนองจำนำไว้ นอกจากนี้ ยังค้างค่าน้ำและค่าฌาปนกิจหมู่บ้าน เป็นเงินหลายพันบาท
ด้าน นายศิลปชัย เรือนสูง นายอำเภอสวี มาเยี่ยมโดย เบื้องต้นมอบถุงยังชีพของใช้จำเป็นแก่ น.ส.กิตติยา พร้อมทั้งควักเงินส่วนตัวมอบให้ 1,000 บาทด้วย ส่วนพ.ต.อ.อภิชาต จันทร์สำเร็จ ผกก.สภ.นาสัก และ ตำรวจสภ.สวี มอบเงินให้อีกจำนวนหนึ่ง เพื่อนำไปใช้จ่ายบรรเทาความเดือดร้อน ทั้งนี้ คณะที่เดินทางมาเยี่ยมต่างให้กำลังใจน.ส.กิตติยา ซึ่งนับเป็นผู้หญิงสู้ชีวิตและมีความอดทน
นายศิลปชัย กล่าวต่อว่า หลังจากทราบปัญหาครอบครัวดังกล่าวแล้ว นับจากวันนี้เป็นต้นไป หน่วยงานทุกภาคส่วนจะขับเคลื่อนให้การช่วยเหลือ ก่อนอื่นจะสนับสนุนด้านอาชีพเพื่อความยั่งยืนของรายได้ โดยส่งเสริมการเลี้ยงเป็ด ไก่ ปลูกผัก และช่วยเหลือด้านวัตถุดิบ งานที่ทำอยู่แล้วคือลอกใบจากส่งขาย
ส่วนลูกน้อยทั้ง 2 คน ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านคู ซึ่งก่อนหน้านี้รับไปดูแลเรื่องการศึกษาอยู่แล้ว ส่วนผู้ป่วยได้รับความเมตตาหมอนวดเส้นจากโครงการพระบรมราชินี จนอาการดีขึ้น เรื่องการก่อสร้างบ้านที่อยู่อาศัยผู้นำชุมชน และสจ.พร้อมให้การช่วยเหลือ
สำหรับผู้มีจิตกุศล ต้องการร่วมบริจาคสิ่งของหรือทุนการศึกษาบุตรครอบครัว น.ส.กิตติยา สามารถติดต่อได้ที่เบอร์โทร 092-409-6332 หรือโอนเงินผ่านบัญชีหมายเลข 8230228361 ธนาคารกรุงไทย สาขาสวี ชื่อบัญชี น.ส.กิตติยา มากสวี