รถเทรลเลอร์ 18 ล้อ เบรกแตกฝ่าไฟแดง พุ่งชนยับหลายคัน อัดก๊อปปี้ดับคาซาก 2 ราย บาดเจ็บอีก 5 ราย ด้านการไฟฟ้าแจงไม่ใช่รถเทรลเลอร์ของการไฟฟ้า จ่อแจ้งความ
วันที่ 27 เม.ย. 66 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โชคชัย จ.นครราชสีมารับแจ้งเกิดอุบัติเหตุ บริเวณสี่แยกไฟแดง อ.โชคชัย มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตหลายราย จึงประสานกู้ชีพ รพ.โชคชัย พร้อมอาสากู้ภัย ฮุก 31 โคราช จุดโชคชัย ร่วมตรวจสอบ พบรถเทรลเลอร์ 18 ล้อ ติดโลโก้ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ยี่ห้อฮีโน่ สีส้ม ทะเบียนราชบุรี บรรทุกแบบซองหล่อเสาไฟฟ้ามาเต็มคันรถ ชนอัดก๊อปปี้เกยอยู่บนรถกระบะ สีเหลือง ติดโลโก้กรมทางหลวง มีคนขับรถและผู้โดยสาร รวม 2 ราย เสียชีวิตคาที่
นอกจากนี้ยังพบรถเก๋ง ฮอนด้า ซีวิค สีดำ ถูกชนด้านหน้าและด้านข้างฝั่งขวาพังเสียหาย และมีรถกระบะ นิสสัน นาวาร่า สีดำ ทะเบียนป้ายแดง ถูกชนท้ายพังยับจนตะแคงข้าง โดยมีคนขับและผู้โดยสารที่มากับรถเก๋ง และรถกระบะนิสสัน ได้รับบาดเจ็บ รวม 5 ราย
เจ้าหน้าที่กู้ภัยเร่งนำตัวผู้บาดเจ็บออกจากรถ และปฐมพยาบาลก่อนนำส่งรักษาต่อที่ รพ.โชคชัย ส่วนผู้เสียชีวิต 2 ราย เป็นเจ้าหน้าที่ของกรมทางหลวง กู้ภัยฯ เร่งนำรถยกและอุปกรณ์ตัดถ่างมาช่วย เพื่อนำเอาร่างผู้เสียชีวิตที่ถูกอัดก๊อปปี้อยู่ห้องโดยสารออกจากซากรถ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฯ จะนำร่างส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตอย่างละเอียดที่ รพ.โชคชัย
จากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่า รถเทรลเลอร์ 18 ล้อ ขับมาตามเส้นทาง เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุซึ่งเป็น 4 แยกไฟแดง เบรกแตก บังคับรถไม่อยู่ จึงพุ่งข้ามเลน มาจากฝั่ง อ.ปักธงชัย แล้วชนเข้ากับรถกรมทางหลวง รถเก๋ง และรถกระบะ จนทำให้มีผู้เสียชีวิตทันที 2 ราย และมีผู้บาดเจ็บอีก 5 คน
ด้าน นายสมพร เฮ่ประโคน รองผู้จัดการด้านเทคนิคการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอโชคชัย เผยว่า เป็นเทรลเลอร์ของบริษัทแห่งหนึ่ง อยู่ที่ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี เป็นบริษัทที่รับจ้างทำงานก่อสร้างระบบสายส่งให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เขต 2 จังหวัดอุบลราชธานี ไม่ใช่รถของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งช่วงเกิดเหตุได้บรรทุกแบบซองหล่อเสาไฟฟ้า จาก จ.ชัยนาท มุ่งหน้า จ.อุบลราชธานี แต่เบรกแตกทำให้ควบคุมรถไม่อยู่ จึงไปพุ่งชนเข้ารถของกรมทางหลวงและรถของประชาชนทั่วไป
ส่วนกรณีที่มีโลโก้ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคติดอยู่ที่ตัวรถ ทางบริษัท นำมาติดโดยพลการ ไม่ได้ขออนุญาตจากการไฟฟ้าฯ ก่อน ซึ่งการไฟฟ้าฯ จะแจ้งความเอาผิดกับบริษัทฯ ฐานละเมิด เพราะทำให้คนจำนวนมากเข้าใจผิด คิดว่าเป็นรถของการไฟฟ้าฯ ซึ่งส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอย่างมาก
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิด พร้อมตรวจร่องรอยในจุดเกิดเหตุเพิ่มเติม และสอบปากคำผู้ที่เห็นเหตุการณ์และผู้บาดเจ็บเมื่ออาการดีขึ้น จนสามารถให้การได้แล้ว เพื่อนำมาประกอบสำนวนดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป