ย้อนคดีสะเทือนขวัญสำหรับชาวลพบุรี จากเหตุกราดยิงปล้นร้านทองกลางห้าง ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2563 เกิดเหตุคนร้ายบุกเดี่ยวไปที่ร้านทองภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในเมืองลพบุรี ผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืน ยิง นายธีระฉัตร พนักงานรักษาความปลอดภัย ของห้างดังกล่าว รวมทั้งยังมีการกราดยิงผู้มาใช้บริการห้างอีกหลายราย จนเป็นเหตุให้ เด็กชายภาณุวิชญ์ อายุ 2 ขวบ และ น.ส.ธิดารัตน์ พนักงานร้านทอง จนถึงแก่ความตาย ก่อนบุกชิงเอาทองรูปประพรรณน้ำหนักเส้นละ 1 บาท จำนวน 22 เส้น, ทองรูปประพรรณน้ำหนักเส้นละ 2 สลึง อีก 11 เส้น รวม 33 เส้น รวมเป็นเงินมูลค่าทั้งสิ้น 664,470 บาท ก่อนใช้โอกาสขับขี่รถจักรยานยนต์ที่เตรียมมาหลบหนีไป
จากเหตุการดังกล่าวกลายเป็นคดีใหญ่ เนื่องจากผู้ต้องหาก่อเหตุอุกอาจ ในขณะนั้น พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. บินด่วนลงพื้นที่ทำคดีด้วยตัวเอง เรียกระดมมือปราบฝีมือดีเข้ามาทำคดี จากหลักฐานที่พบในกล้องวงจรปิดสังเกตุเห็นคนร้ายเดินขากะเผลก ใส่เสื้อผ้าแบรนด์เนม สวมรองเท้า Adidas Tubular X Primeknit Core Black Dark Grey ที่มีราคาสูง ใช้อาวุธปืนรุ่น “CZ P 01 Tactical” ขนาด 9 ม.ม. ซึ่งเป็นปืนที่มีราคาสูง เป็นปืนที่นิยมใช้ในการแข่งขัน แถมติดกล่องเก็บเสียง แสดงให้เห็นถึงความเชียวชาญในการใช้ปืนของคนร้าย
- สรุปคดี ผอ.กอล์ฟ ฆ่าชิงทองลพบุรี สู่การปิดคดี นานร่วมปี ยืนโทษประหารชีวิต
- ทนายตั้ม ชี้แจง รูปคู่บิ๊กโจ๊ก หลังถูก ชูวิทย์ ขุดออกมาแฉ อ้างสนิทเกิดเหตุ
- ฝากขัง! แอม ไซยาไนด์ หลังอาการป่วยดีขึ้น จนท. จะคุมตัวไปศาลวันนี้
เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติงานอย่างเข้มข้น ใช้เวลากว่า 14 วัน สามารถแกะรอยจนนำไปสู่การออกหมายจับและสามารถควบคุมตัวคนร้ายได้ ต่อมา ทราบภายหลังผู้ก่อเหตุสะเทือนขวัญครั้งนี้คือ ผอ.กอล์ฟ หรือ นายประสิทธิชัย เขาแก้ว อายุ 39 ปี เจ้าตัวรับสารภาพว่า ตนวางแผนปล้นร้านทองครั้งนี้ประมาณ 3 วัน ยืนยัน ตนไม่ได้ตั้งใจยิงหวั่งเอาชีวิต เพียงแต่ต้องการยิงเพื่อเปิดทางเท่านั้น ตนไม่เห็นเด็กชายวัย 2 ขวบ คาดกระสุนพลาดไปโดนจนเสียชีวิต หลังจากโดนจับกุมก็ได้มีการนำตัวไปหาหลักฐานพร้อมทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เนื่องจากเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นคดีอุจอาจแถมมีเด็กเสียชีวิต จึงทำให้คนในท้องที่เกิดความไม่พอใจเป็นอย่างมากวิดเกิดเหตุรุมประชาทัณหลายครั้ง
ทั้งนี้ ผอ.กอล์ฟ นายประสิทธิชัย เขาแก้ว อายุ 39 ปี ถูกควบคุมตัวมาขึ้นศาลชั้นต้น เมื่อวันที่ 27 ส.ค.64 เพื่อนัดฟังคำพิพากษา โดยศาลมีความว่าให้ลงโทษ “ประหารชีวิต” จำเลย สถานเดียวพร้อม ปรับ 1,000 บาท ต่อมา จำเลยยื่นอุทธรณ์ขอลดโทษ ศาลอุทธรณ์ ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือเเล้วว่า แม้จำเลยชดใช้ความเสียหายเพื่อบรรเทาผลร้ายสำนึกผิด หรือมีคุณความดีดังที่อุทธรณ์ก็ไม่เป็นเหตุผลเพียงพอที่จะสมควรใช้ดุลยพินิจลดโทษให้แก่จำเลยได้ ที่ศาลชั้นต้นให้ลงโทษประหารชีวิตจำเลยโดยไม่ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 นั้นย่อมเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งรูปคดีแล้ว จึงไม่มีเหตุที่ศาลอุทธรณ์จะเปลี่ยนแปลงแก้ไข อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น และเมื่อถึงศาลชั้นสุดท้าย ศาลฎีกา พิจารณาแล้วว่า ให้ยืนตามการตัดสินที่ผ่านให้ให้ “ประหารชีวิต”
ติดตามข่าวสาร Bright Today ช่องทางอื่น ๆ
Website : BRIGHT TODAY
Facebook : BRIGHT TV
Line Today : BRIGHT TODAY