กองปราบยึดทรัพย์ “หลงจู๊สมชาย” เจ้าพ่อบ่อนระยองกว่า 800 ล้าน ตำรวจเอี่ยวรับส่วยอย่างน้อย 43 นาย
(27 มี.ค.64) ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันการจับกุมนายสมชาย จุติกิติ์เดชา หรือ หลงจู๊สมชาย เป็นไปตามพยานหลักฐานทุกคดี แม้ผู้ต้องหาจะปฏิเสธ แต่หลักฐานความเชื่อมโยงทั้งจากเส้นทางการฟอกเงิน เป็นหลักฐานที่เก็บรวมรวมได้จากบ้านของผู้ต้องหา ซึ่งทุกชิ้นกำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบเพิ่มเติม ขณะที่ตำรวจชุดจับกุมพบหลักฐานจากโทรศัพท์ 2 เครื่อง เป็นคลิปเสียงการสนทนาเรื่องเรียกรับผลประโยชน์จากการอนุญาตให้เปิดบ่อนการพนัน
การเข้าตรวจยึดทรัพย์สินของนายสมชาย จุติกิติ์เดชา หรือหลงจู๊สมชาย ผู้กว้างขวางในภาคตะวันออก ซึ่งถูกระบุว่าเจ้าของบ่อนอาร์เจ พื้นที่มาบตาพุด บ่อน บข.ส.เก่า จังหวัดระยอง บ่อนอรุโณทัย เมืองพัทยา และบ่อนนำชัย ในอ.บางละมุง และได้นำเงินจากบ่อนการพนัน มาฟอกเป็นอสังหริมทรัพย์ เป็นฉโนดที่ดิน 111 ฉบับ มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท เป็นบ้านจัดสรร 5 แห่ง ในโครงการเดอะแคปปิตอลทาวน์มาบตาพุด มูลค่ากว่า 230 ล้านบาท เดอะแคปปิตอล นิคมพัฒนา บ้านเดี่ยว 295 ยูนิต มูลค่า 550 ล้านบาท และเดอะแคปปิตอลริมน้ำ มูลค่า 64 ล้านบาท เรือยอชต์มูลค่า 8 ล้านบาท 1 ลำ รถยนต์ 4 คัน รวมมูลค่าประมาณ 880 ล้านบาท โดยมีชื่อของนายธนา จุติกิติ์เดชา ลูกชายเป็นผู้ถือครอง จึงถูกแจ้งข้อหาร่วมกันฟอกเงิน รวมทั้งผู้ร่วมฟอกเงินเป็นอดีตภรรยา และเครือญาติรวม 8 คน ส่วนที่ยังหลบหนีหมายจับอีก 22 คน
โดยวันนี้พนักงานสอบสวนควบคุมตัวหลงจู๊สมชายมาสอบสวน ซึ่งนายสมชายให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ทั้งจ้างวานฆ่าวินรถจักรยานยนต์ ข้อหาร่วมกันฟอกเงิน และจัดให้มีการเล่นการพนัน
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า คดีจ้างวานฆ่าวินรถจักรยานยนต์ที่ไปถ่ายภาพบ่อนมาแฉและถูกฆ่าปิดปาก เป็นการก่อคดีที่อุกอาจ ซึ่งตำรวจพื้นที่อาจมีอุปสรรคในการรวบรวมพยานหลักฐาน คดีดังกล่าวตำรวจกองปราบได้รวบรวมพยานหลักฐานอย่างเงียบๆ มาตั้งแต่หลังเกิดเหตุกลางปีที่ผ่านมาแล้ว กระทั่งหลักฐานสาวไปถึงผู้บ่งการ จึงได้จับกุม
ขณะที่ตำรวจกองปราบใช้เวลาตรวจสอบเส้นทางการเงิน จากผู้ที่ถูกจับกุมพบว่าเป็นผู้ดูแลบ่อนการพนัน 4แห่งในภาคตะวันออกให้กับหลงจู๊สมชาย โดยพบหลักฐาน มีการยักย้ายถ่ายเทเงินไปหลายทอด แต่เส้นทางการเงินมีความเชื่อมโยงกับหลงจู๊สมชาย ส่วนการตรวจค้นพบบัญชีส่วย การจ่ายเงินให้กับนายตำรวจที่อยู่ในพื้นที่ภาค 2 และกรณีตรวจยึดโทรศัพท์ 2 เครื่องภายในบ้านของหลงจู๊ และตรวจพบเสียงสนทนาระหว่างหลงจู๊สมชาย และนายตำรวจยศสัญญาบัตร ถึงนายพลหลายนาย ที่บันทึกไว้ในโทรศัพท์ และมีการพูดต่อรองเรื่องผลประโยชน์ ซึ่งขณะนี้ชุดจับกุมยังตรวจสอบไม่เสร็จสิ้น เพราะมีคลิปเสียงสนทนาจำนวนมาก
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติระบุว่า คดีนี้เป็นคดีผู้มีอิทธิพล ต้องใช้เวลาในการตรวจสอบในทุกมิติ และทุกอย่างขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน โดยตำรวจเร่งสอบปากคำ หลงจู๊และพวก และเตรียมตัวฝากขังต่อศาล
ส่วนการตรวจสอบรายชื่อตำรวจที่รับผลประโยชน์จากบ่อนในภาคตะวันออก มีรายงานว่าทั้งอดีต และปัจจุบัน ในสังกัดตำรวจภููธรภาค 2 มีระดับ พลตำรวจโทอย่างน้อย 2 นาย ระดับ พล.ต.ต.อย่างน้อย 9 นาย และระดับ พ.ต.อ.อย่างน้อย 21 นาย