เด็กชายสองคนในอเมริกา เล่นกันอยู่ในสวนหลังบ้านของตัวเอง และบังเอิญขุดเจอชิ้นเหล็กปริศนาโผล่ขึ้นมา เมื่อขุดเพิ่มไปอีกก็ทำเอาทุกคนต่างประหลาดใจกับเมื่อพบสมบัติลับ รถเฟอร์รารี่ซึ่งยังคงอยู่ในสภาพดี
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1978 ที่บ้านเลขที่ 1137 บนถนน West 119th ในพื้นที่เอเธนส์ตะวันตก ลอสแอนเจลิส แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เด็กสองคนเล่นขุดดินในสวนหลังบ้าน ในขณะนั้นบังเอิญเห็นชิ้นเหล็กโผล่ออกมาจากใต้ดิน พวกเขาคิดว่ามันเป็นสมบัติจึงเรียกพ่อแม่มาดู ซึ่งพ่อแม่ก็ได้ติดต่อกับตำรวจท้องที่อย่างรวดเร็ว จากนั้นยังติดต่อกับรัฐบาลท้องถิ่น เพื่อขอรถขุดมาตรวจสอบที่เกิดเหตุด้วย
หลังจากขุดค้นอยู่สักพัก ในที่สุด “สมบัติ” ก็ถูกเปิดเผย โดยไม่มีใครคาดคิดว่าจะได้เห็นรถยนต์ถูกฝังอยู่ใต้ดินทั้งคัน ดูเหมือนมีคนจงใจซ่อนรถคันนี้ไว้ที่นี่ โดยใช้ผ้าหลายชั้นปกคลุม เพื่อว่าสักวันหนึ่งมันจะกลับมาเอามันกลับมา และหลังจากทำความสะอาดก็ยิ่งตะลึง ปรากฎว่ารถที่พบคือ รถเฟอร์รารีสีเขียวรุ่นปี 1974 หรือ Ferrari Dino 264 GTS 1974 มูลค่าในขณะนั้นสูงถึง 110,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3.9 ล้านบาท ตามอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน)
หลังจากนั้นเรื่องราวของรถเฟอร์รารีสีเขียวที่ถูกฝังอยู่ใต้ดิน ก็ดึงดูดความสนใจของสื่อมวลชนอย่างรวดเร็ว บางคนถึงคาดเดาว่ารถหรูคันนี้อาจเป็นเครื่องมือในการสังเวยใครบางคน อีกข้อมูลหนึ่งเล่าเป็นเรื่องราวของคู่รักว่า ผู้หญิงคนหนึ่งก่อนที่เธอจะเสียชีวิต ได้ขอให้สามีฝังรถไว้กับเธอด้วย
อย่างไรก็ดี ไม่กี่เดือนต่อมาเจ้าหน้าที่สืบสวนก็ระบุว่า พบเจ้าของรถเฟอร์รารีลึกลับคันนี้แล้ว เป็นชายชื่อว่า “โรเซนโด ครูซ ” ช่างประปาจากเมืองจากอัลฮัมบรา รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเล่าว่ามันถูกขโมยไปหลังจากที่เขาเพิ่งซื้อมาได้เพียง 2 เดือน โดยจากข้อมูลพบว่ารถถูกซื้อเมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ.1974 และถูกแจ้งหายในวันที่ 7 ธันวาคม ปีเดียวกัน รายงานรถถูกขโมยยังคงอยู่ที่แผนกของกรมตำรวจลอสแอนเจลิส แต่ไม่มีผู้ใดได้เบาะแสเกี่ยวกับรถเลย แม้แต่บริษัทประกันภัยก็ยังมอบเงินคืนให้ครูซแล้ว แต่จู่ๆ กลับถูกขุดเจอที่บ้านหลังหนึ่ง
เจ้าหน้าที่สืบสวนกล่าวว่าทั้งผู้เช่าในปัจจุบัน และเจ้าของบ้านที่ให้เช่า ต่างไม่มีใครทราบเกี่ยวกับยานพาหนะที่ถูกฝังไว้ ดังนั้นคดีของเฟอร์รารีที่ถูกฝังไว้จึงยังคงเป็นปริศนา ทั้งนี้ นอกจากรูเล็กๆ เหนือไฟท้ายขวาแล้ว รถยังดูอยู่ในสภาพดีอย่างน่าประหลาดใจ และน่าแปลกมากๆ ที่ไม่มีใครรู้ว่ารถทั้งคันถูกฝังได้อย่างไร โดยไม่ดึงดูดความสนใจของคนในละแวกนั้น แม้แต่เจ้าหน้าที่ยังพูดติดตลกว่า “มันไม่เหมือนกับการปลูกกะหล่ำปลีนะ”
ในที่สุด หลังจากการฟื้นฟูและซ่อมแซมหลายขั้นตอน เฟอร์รารีก็สามารถกลับมาวิ่งบนถนนได้อีกครั้ง นอกจากนี้ยังได้รับการติดตั้งป้ายชื่อใหม่สุดเท่ว่า DUG UP เพื่อให้ผู้คนสามารถจดจำได้ทุกครั้งที่ออกไปข้างนอก