มาโน ปลื้มฟอร์ม ‘วีระเทพ-กฤษดา’ เชื่อช่วยยกระดับ ช้างศึก

Home » มาโน ปลื้มฟอร์ม ‘วีระเทพ-กฤษดา’ เชื่อช่วยยกระดับ ช้างศึก


มาโน ปลื้มฟอร์ม ‘วีระเทพ-กฤษดา’ เชื่อช่วยยกระดับ ช้างศึก

เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2564 เวลา 11.30 น. ตามเวลาประเทศไทย เอเอฟเอฟหรือสหพันธ์ฟุตบอลอาเซียน จัดงานแถลงข่าวก่อนการแข่งขันฟุตบอล เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020 รอบชิงชนะเลิศ เลกสอง คู่ระหว่าง ทีมชาติไทย กับ ทีมชาติอินโดนีเซีย

เกมเลกแรก ทีมชาติไทย เอาชนะ อินโดนีเซีย มาได้ก่อน 4-0 จากการยิงของ ชนาธิป สรงกระสินธ์ สองประตู และ สุภโชค สารชาติ กับ บดินทร์ ผาลา คนละประตู

การแถลงข่าวครั้งนี้ ทางทีมชาติไทยได้ส่ง มาโน โพลกิง หัวหน้าผู้ฝึกสอน พร้อมด้วย วีระเทพ ป้อมพันธุ์ ผู้เล่น ของทีมชาติไทยเข้าร่วมการแถลงข่าว

ภายในงานแถลงข่าว มาโน โพลกิง กล่าวว่า “แน่นอนว่าเรามีเวลาเตรียมทีมสองวันจากเกมก่อน เพราะฉะนั้น เราเน้นที่การฟื้นฟูร่างกาย ส่วนคนที่ไม่ได้ เล่นก็ซ้อมตามปกติ เพื่อให้ทุกอย่างพร้อมสำหรับเกมวันพรุ่งนี้ เราต้องตัดสินใจจัดตัวผู้เล่น เมื่อวานผมได้ย้ำว่า รอบชิงมันยังไม่จบ ผลการแข่งขันที่เราทำได้ดีในเกมแรก ยังต้องทำต่อไปให้ดีอีกเกมหนึ่ง เราต้องการเริ่มเกมให้ดี อีกครั้ง และทำผลงานให้ดี เพื่อจบเลกสองให้สวยงาม เหมือนกับเกมแรก”

“แน่นอนว่านักเตะในทีมต่างทำผลงานได้ดีหมดทุกคน แต่เราปฏิเสธคุณภาพของ ชนาธิป ไม่ได้ เพราะว่าในสนาม หรือนอกสนาม เขาสามารถแสดงความเป็นผู้นำที่ดี และคุณภาพเขาแสดงออกมาให้เห็น เขากำลังมีทัวร์นาเมนต์ ที่ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะเกมสำคัญของเรา แต่อย่างที่บอก ทุกคนต้องพยายามทำแบบ ชนาธิป ถ้ามีโอกาส ที่จะได้เล่นลีกที่แข็งแกร่งกว่าในบ้านเกิด ต้องคว้าโอกาส สิ่งที่ ชนาธิป แสดงให้เห็นคือเขาคว้าโอกาสมาในเจลีก และกลายเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดในเจลีก เพราะฉะนั้น ต้องทำงานหนัก ถ้ามีโอกาสต้องทำให้ได้”

“เรื่องสัญญาเรายังไม่ได้มีการพูดคุยกัน ตอนนี้ผมไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ เพราะเป้าหมายของเราคือการคว้าแชมป์รายการนี้ให้ได้ตามที่เราวางไว้ตั้งแต่แรก และเอาของขวัญไปฝากคนไทย”

“เกมรอบรองที่เจอกับเวียดนาม เลกแรก เรานำไปก่อน 2-0 และเราต้องเจอกับบอลยาวมากขึ้น สถานการณ์ ณ ตอนนั้น คือเราต้องตั้งรับให้แน่น แม้เราไม่ถนัด แต่มันถูกต้องนั่นคือสิ่งที่เราต้องทำ ในเกมนี้ เลกแรก เราเล่นได้ดีที่สุดในทัวร์นาเมนต์ ทำให้เราได้เปรียบมาก จากสถานการณ์ตอนนี้ เราไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมาตั้งรับ เราต้องการจบทัวร์นาเมนต์ ในแนวทางที่เราถนัด ด้วยการเปิดเกมรุก และครองบอล”

“เรื่องการแต่งตัวที่ไม่เปลี่ยนเสื้อผ้า ผมเองเชื่อว่าถ้าอะไรมันได้ผล อะไรมันดีอยู่แล้ว ก็ไม่อยากจะเปลี่ยน ถุงเท้า แม้แต่กางเกงในยังตัวเดิม เสื้อกางเกงก็ตัวเดิม แต่ซักทุกครั้ง ตอนนี้ก็ซักแล้ว และพร้อมจะใส่ใหม่ในวันพรุ่งนี้”

“เรื่องอนาคตเป็นสิ่งสำคัญ นักเตะที่เพิ่งเข้ามาอย่างวีระเทพที่มาเล่นในรายการนี้ครั้งแรก จะช่วยต่อยอดได้ และทำให้อนาคตของทีมชาติไทย ไปในทางที่ดี และต้องรักษาคุณภาพให้ได้ ไม่ใช่แค่วีระเทพเท่านั้น หลายคนทำได้อย่างยอดเยี่ยม อย่าง กฤษดา ที่เพิ่งอายุ 22 ปี และเล่นมาเกือบทุกนัด ในตำแหน่งที่ไม่ได้ถนัด เขาก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม เรามีอนาคตที่ดี มันเป็นส่วนหนึ่งของอนาคตทีมชาติไทย เรายังมีนักเตะที่ดีอีกมากมาย จากชุด U23 ที่ต้องไปแข่งที่อุซเบกิสถาน ทัวร์นาเมนต์นี้เราไม่ได้มีเวลามากมายในการคิดที่จะซ้อม เราใช้แค่ความรู้จัก สิ่งที่เห็นจากนักเตะ เรารู้จักนักเตะชุดนี้ดี และเรียกตัวมารวมกัน อธิบายแผนการเล่น มีความชัดเจน สุดท้ายมันอยู่ที่นักเตะ เราต้องให้เครดิตกับพวกเขา ที่รับฟังและเข้าใจ ทำได้ตามแผนในช่วงที่ผ่านมา จนถึงนัดชิงชนะเลิศ เลกที่สอง แน่นอนว่าเป้าหมายของเราคือการเอาชนะในนัดชิงชนะเลิศในเกมที่สองก่อน และเราจะบอกว่าอนาคตหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร เราต้องชนะในเกมที่สอง เพื่อจบทัวร์นาเมนต์ให้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ”

ด้าน วีระเทพ ป้อมพันธุ์ กองกลางทีมชาติไทย กล่าวว่า “สำหรับตัวผม เป็นประสบการณ์ที่ดี และเป็นแนวทางที่ดีในการต่อยอด เพราะในทีมทั้งรุ่นพี่และทุกคนต่างมีคุณภาพทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น พี่มุ้ย พี่เจ พี่อุ้ม พี่ตังค์ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ผมได้เรียนรู้ และนี่เป็นรายการแรกของผมในนามทีมชาติ มันก็ตื่นเต้น ผมมีความฝันที่จะได้ออกมาเล่นในนามทีมชาติสักครั้ง จากผลงานที่ผ่านมา เมื่อได้รับมอบหมาย ไม่ว่าจะทำอะไร ผมก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด เมื่อลงไป คิดอย่างเดียวคือทำให้ดีที่สุดเท่านั้น”

“ถ้ามีโอกาสผมก็อยากจะลองไปเล่นต่างประเทศ ตรงนี้น่าจะเป็นเรื่องจังหวะและโอกาส ถ้ามีโอกาสจริงๆอยากไปต่างประเทศ เพื่อไปพัฒนาตัวเอง นำประสบการณ์มายกระดับ และต่อยอดสู่ทีมชาติ เพื่อให้ทีมชาติไทยของเราพัฒนามากขึ้น มีผลงาน เป็นตัวอย่างให้หลายคน เหมือนรุ่นพี่ ได้เดินตามรอย เก็บประสบการณ์พัฒนาตัวเอง และทำให้ดีที่สุด และจะพาทีมชาติไทย ไปอีกระดับ และอยู่ในจุดที่ดีกว่าเดิม”

ทั้งนี้ ทีมชาติไทย จะลงเล่นเกมนัดชิงชนะเลิศ นัดที่สอง กับอินโดนีเซีย ที่สิงคโปร์ เนชั่นแนล สเตเดียม ในวันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2565 เวลา 19.30 น. ถ่ายทอดสดทางช่อง 7 HD(หมายเลข 35) และ AIS Play

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ