ภาพไวรัล สาวอุ้มสามีลงเวทีงานแต่ง เบื้องหลังยิ่งซึ้ง อุ้มมา 8 ปีแล้ว เผยเหตุผลไม่ให้นั่งรถเข็น

Home » ภาพไวรัล สาวอุ้มสามีลงเวทีงานแต่ง เบื้องหลังยิ่งซึ้ง อุ้มมา 8 ปีแล้ว เผยเหตุผลไม่ให้นั่งรถเข็น
ภาพไวรัล สาวอุ้มสามีลงเวทีงานแต่ง เบื้องหลังยิ่งซึ้ง อุ้มมา 8 ปีแล้ว เผยเหตุผลไม่ให้นั่งรถเข็น

โชเชียลฯ แห่แชร์โมเมนต์สาวอุ้มสามีลงเวทีงานแต่ง ความจริงเบื้องหลังซึ้งกว่านั้น อุ้มมาตลอด 8 ปี อาสาเป็นเท้าแทนสามี เผยเหตุผลที่ตั้งใจแน่วแน่ไม่ยอมให้นั่งรถเข็น

จากกรณีคลิปสั้นๆ ที่บันทึกฉากของภรรยากำลังอุ้มสามีของเธอด้วยความสุข ซึ่งกลายมาเป็นไวรัลในโลกออนไลน์ของเวียดนามเมื่อเร็วๆ นี้ มีผู้เข้าชมมากกว่า 2 ล้านครั้ง พร้อมคอมเมนต์อวยพร และแสดงความชื่นชมในความรักของทั้งคู่

ในคลิปจะเห็นว่า ภรรยาอุ้มสามีลงจากเวทีในงานแต่งงานของสมาชิกในครอบครัว ใบหน้าเต็มไปด้วยความสุขจนกระทั่งพากันกลับไปถึงโต๊ะกินเลี้ยง ซึ่งช่วงเวลาทั้งหมดถูกถ่ายไว้โดยหลานชาย เมื่อได้ย้อนกลับมาดูคลิปที่มีความหมายนี้อีกครั้ง จึงตัดสินใจนำมาแชร์บนโซเชียลเน็ตเวิร์กด้วย

สามีวัย 33 ปี เปิดเผยด้วยว่า “ไม่เพียงแค่ในวันแต่งงานเท่านั้น แต่ภรรยาของผมอุ้มผมมาตลอด 8 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่เป็นสามีภรรยากัน เธออุ้มผมอย่างนั้นตลอดมา”

ย้อนกลับไปเมื่อตอนเขาอายุได้ 13 ปี ก็ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทำให้ขาของเขาสูญเสียความสามารถในการเดินอย่างถาวร ในช่วงปีแรกๆ หลังจากเกิดอุบัติเหตุ เขาใช้ชีวิตอยู่กับความรู้สึกผิดและความเศร้า รู้สึกเจ็บปวดเมื่อเห็นคนอื่นๆ วิ่งกระโดดเล่นสนุกสนานอย่างไร้กังวล

เนื่องจากไม่อยากให้ลูกทรมานและเศร้าซึม พ่อแม่จึงโกหกเขาว่าเมื่อโตขึ้นขาจะหายดีเอง คำโกหกนั้นจุดประกายความหวังให้กับเขาอีกครั้ง จนกระทั่งโตเป็นผู้ใหญ่ เมื่อรู้แน่ชัดแล้วว่าเขาไม่สามารถยืนขึ้นและเดินได้ด้วยตัวเองอีกต่อไป ก็ทำให้รู้สึกทนทุกข์ทรมานอีกครั้ง

แต่แทนที่จะจมอยู่กับความรู้สึกแย่ในตัวเอง เขาก็ค่อยๆ ปรับตัวและหาวิธีดูแลตัวเอง เมื่ออายุได้ 25 ปี หลังจากไปล่องเรือ เขาได้พบและตกหลุมหญิงสาวที่มีรอยยิ้มอ่อนโยนมาก เธออารมณ์ดี และมีความรักที่จริงใจ เพิกเฉยต่อความบกพร่องทางร่างกายทั้งหมด ยอมรับคำบอกรักและแต่งงานกับเขา

เมื่อแต่งงานใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน เธอตั้งใจจะไม่ให้เขาต้องนั่งรถเข็น และอาสาเป็นเท้าของสามีแทน ในตอนแรกเป็นช่วงเวลาที่ความยากลำบาก เพราะยากที่จะยอมรับว่าตัวเองที่เป็นผู้ชาย แต่กลับไม่สามารถดูแลภรรยาและลูกได้ อีกทั้งยังปล่อยให้ภรรยาอุ้ม แต่เมื่อภรรยารู้ว่าเขาประหม่าและเศร้ามาก เธอจึงพยายามปลอบใจซ้ำๆ จนรู้สึกดีขึ้น

“มีสมาคม กลุ่มการกุศล และผู้สนับสนุนมากมาย ที่มอบรถเข็นที่ทันสมัยและสะดวกสบายให้กับผม แต่ภรรยาไม่เห็นด้วย เธอยืนกรานว่าจะไม่ให้ผมนั่งรถเข็น เธอกลัวว่าถ้าต้องนั่งรถเข็น ขาของผมจะอ่อนแรงและเดินด้วยตัวเองไม่ได้ เธอต้องการให้ผมสามารถเดินได้ด้วยตัวเองในวันหนึ่ง จากวันนั้นจนถึงวันนี้เธอเป็นเท้าของผม”

อย่างไรก็ดี เนื่องจากเธอมีน้ำหนักเพียง 43 กก. ในขณะที่สามีมีน้ำหนักมากกว่า 70 กก. จึงมีความยากลำบากมากมายในการแบกสามี ครั้งหนึ่งทั้งคู่เคยล้มลงกับพื้น แม้ว่าการล้มจะทำให้เธอหัวแตกจนเลือดไหลออกมา แต่ก็ยังพยายามช่วยสามีให้ลุกขึ้นและเดินต่อไป

หลังจากฝึกฝนอย่างหนัก ในที่สุดก็พบวิธีที่ง่ายขึ้นในการอุ้มสามี ทุกครั้งที่สามีของเธอต้องเคลื่อนไหว เธอกลายเป็นขาของเขามาเป็นเวลานานกว่า 8 ปี เธอพาเขาไปทุกที่ด้วยอารมณ์ที่ร่าเริงและมีความสุข

“เมื่อก่อนผมรู้สึกผิดมาก แต่ภรรยามักจะแนะนำว่าอย่ากังวลว่าคนอื่นจะหัวเราะเยาะ การที่เธออุ้มผมไม่ใช่เรื่องที่แย่เลย ตราบใดที่เรามีชีวิตที่มีความสุขและมีสุขภาพดี… ตอนนี้ผมแค่หวังว่าสักวันจะได้เป็นฝ่ายอุ้มภรรยาสักครั้ง ขอบคุณที่เธอรักผม”

ปัจจุบัน ฝ่ายสามีทำงานออนไลน์อยู่ที่บ้าน ส่วนภรรยาออกไปทำงานนอกบ้าน ทั้งคู่มีลูกชายสองคน อายุ 5 และ 6 ขวบ แม้ชีวิตครอบครัวจะเป็นเรื่องยากในบางครั้ง แต่ก็เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความสุขเสมอ ในวันที่ภรรยามีงานน้อยหรือหยุดงาน ก็จะพาสามีไปเดินเล่นรอบๆ ละแวกบ้าน

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ