พ่อโทรหาครู ลูกคิดเลข 1+5+5=11 ทำไมตรวจว่า “ผิด” รู้เฉลยพูดไม่ออก เพราะผิดจริงๆ

Home » พ่อโทรหาครู ลูกคิดเลข 1+5+5=11 ทำไมตรวจว่า “ผิด” รู้เฉลยพูดไม่ออก เพราะผิดจริงๆ

ถกสนั่น การบ้านประถม เด็กคิดเลข 1+5+5=11 ครูตรวจว่า “ผิด” พ่อโทรไปถามเฉลยมีอึ้ง คนโตยังคิดไม่ถึงจริงๆ

ในจินตนาการของผู้ใหญ่หลายคน มักมองว่าคณิตศาสตร์ระดับประถมศึกษานั้น “ง่ายมาก” ไม่จำเป็นต้องใช้ความคิดมากมายเพื่อหาคำตอบ แต่ในความเป็นจริงแล้ว แบบฝึกหัดคณิตศาสตร์ระดับประถมศึกษานี้เอง มีไม่น้อยเลยที่แม้แต่พ่อแม่ก็ยังหาคำตอบไม่ได้ และต้องยอมจำนนร้องขอเฉลยในที่สุด

ตัวอย่างเช่นกรณีที่เกิดขึ้นในประเทศจีน ผู้ปกครองคนหนึ่งโพสต์เปิดประเด็นในโซเชียลฯ เกี่ยวกับโจทย์คณิตศาสตร์ที่ดูเหมือนง่ายแต่ยากสุดๆ สำหรับวัยประถมเช่นลูกของเขา โดยโจทย์คณิตศาสตร์เจ้าปัญหาระบุมาว่า

“เด็กชายเอเข้าร่วมการแข่งขันวิ่งที่โรงเรียน เป็นการวิ่งในสนามแบบวงกลม ข้างหน้าเขามี 5 คน และตามหลัง 5 คน รวมแล้วมีผู้แข่งวิ่งทั้งหมดกี่คน”

เมื่อเผชิญกับคำถามข้างต้น ลูกของผู้ปกครองคนนี้จึงคิดและคำนวณได้ว่า 1 + 5 + 5 = 11 ซึ่งเมื่อผู้เป็นพ่อเห็นคำตอบนี้ก็แน่ใจว่าลูกทำถูกต้องแล้ว อย่างไรก็ดี วันรุ่งขึ้นครูกลับพบว่าคุณครูตรวจแล้ว “กากบาท” ในคำตอบข้อดังกล่าว ทำให้ลูกของเขาไม่ได้คะแนนในส่วนนี้

เขารู้สึกว่าการตรวจของคุณครูนั้นไม่ถูกต้อง เพราะเขาเช็กคำตอบของลูกอย่างละเอียดแล้ว และไม่เห็นว่าการคำนวนจะมีความผิดพลาดที่ตรงไหน สุดท้ายจึงตัดสินใจโทรหาครูเพื่อขอคำอธิบายในเรื่องนี้ โดยไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะชี้แจงอย่างใจเย็นว่า

“เพราะทุกคนกำลังวิ่งบนเส้นทางวงกลม ดังนั้นคำตอบที่ถูกต้องต้องเป็น 6 คน ไม่ใช่ 11 คน”

การเฉลยคำตอบที่ไม่คาดคิดทำให้ผู้เป็นพ่อนิ่งอึ้ง จะเห็นได้ว่าคำถามเมื่อมองแวบแรกนั้นง่าย แต่การแก้ปัญหานั้นไม่ง่ายเลย ไม่เพียงแต่ทดสอบความสามารถในการคำนวณของนักเรียนเท่านั้น แต่ยังต้องการให้นักเรียนมีการคิดเชิงตรรกะด้วย

หลังจากแชร์คำถามคณิตศาสตร์ข้อนี้ลงโลกออนไลน์ ผู้ปกครองหลายคนก็แสดงความคิดเห็นอย่างร้อนแรง เช่น “คณิตศาสตร์ประถมแบบไหนที่ยากขนาดนี้ ขนาดฉันที่เป็นผู้ใหญ่ยังคิดไม่ออก โจทย์คณิตศาสตร์ที่ ‘หลอก’ นักเรียนแบบนี้ ต้องใช้ตรรกะมากในการหาวิธีแก้ปัญหา”

“คำตอบที่ถูกต้องคือ 6 โจทย์คณิตข้อนี้ถือเป็นคำถามขั้นสูง ระบุชัดเจนว่าวิ่งเป็นวงกลม ไม่ใช่เส้นตรงตามปกติ ดังนั้นจากการสังเกตจะเห็นว่า 5 คนที่วิ่งข้างหน้าก็เป็น 5 คนที่วิ่งอยู่ข้างหลังด้วย ฉันพูดอะไรไม่ออกเลย”