พ่อค้าซาลาเปาแทบช็อก อยู่ดีๆ มีชื่อเป็น “ประธานบริษัท” แบกรับหนี้ 2 ล้าน สืบไปสืบมาคนร้ายใกล้ตัวสุดๆ
เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 19 กันยายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีชาวบ้านจังหวัดระยอง ประกอบอาชีพขับรถซาพ่วงข้างขายซาลาเปาในพื้นที่ ต.ตะพง อ.เมือง จ.ระยอง จู่ ๆ มีจดหมายทวงหนี้ยอดเงิน 2 ล้านกว่าบาท จากธนาคารแห่งหนึ่ง
ทีมข่าวลงพื้นที่เพื่อพบกับ นายชุมพล อายุ 60 ปี พ่อค้าขายซาลาเปาเพื่อสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น นายชุมพล เล่าว่าปัจจุบันตนเองมีอาชีพเร่ขายซาลาเปาโดยใช้รถสามล้อคู่ใจในการเดินทาง ขายเพียงลูกละ 5 บาท 10 บาท จู่ ๆ เดือน กรกฏาคม 2566 มีจดหมายจากธนาคารมาถึงบ้านว่าเป็นหนี้ 2,559,041.16 บาท
ตอนแรกตนเองตกใจมากคิดเพียงว่ามันเกิดเรื่องขึ้นได้อย่างไร จนสืบไปสืบมาจับต้นชนปลายจนรู้ความจริงว่า เรื่องที่เกิดขึ้น น้องชายแท้ ๆ ของตนเองได้มายืมบัตรประชาชนไปทำเรื่องซื้ออะไหล่รถแต่สุดท้ายเอาชื่อตนเอง ปลอมลายเซ็น ไปเปิดบริษัท ทำเรื่องกู้เงิน แล้วไม่ใช้หนี้ธนาคารจนทางธนาคารมาทวงหนี้กับตน ตนเองได้ไปแจ้งความดำเนินคดีกับน้องชายไว้ที่ สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี ตั้งแต่วันที่ 18 ก.ย. 67 ณ ปัจจุบันคดีก็ยังไม่คืบหน้าทางธนาคารก็ยังทวงหนี้มาอยู่
นายชุมพล ยังเล่าเพิ่มเติมว่าตนเองยังถูก DSI เรียกไปสอบปากคำเพราะ DSI ตรวจพบความผิดปกติทางการเงินของบริษัทที่น้องชายเอาชื่อตนเองไปเปิด ตนเองได้ไปพบ DSI มาแล้ว และบอกว่าตนเองมีอาชีพขายซาลาเปา ไม่ได้เปิดบริษัท ซึ่งตอนนี้ DSI กำลังสอบสวนเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่
นายชุมพลกล่าวทิ้งท้ายว่า สงสัยการปล่อยสินเชื่อของธนาคารว่าปล่อยให้กู้เงินไปได้อย่างไร ยอดเงินเยอะขนาดนี้ จะไม่ลงพื้นที่มาตรวจสอบข้อมูลเลยหรือว่าชื่อคนกู้กับอาชีพที่ทำอยู่ตรงกันหรือเปล่า เพราะตนเองเชื่อว่า อาชีพขายซาลาเปาไม่มีทางกู้เงินได้ขนาดนี้แน่นอน สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น นายชุมพล ขอเพียงได้รับความเป็นธรรมว่าตนเองไม่ได้เป็นคนกู้เงิน ไม่ได้มีส่วนรู้เห็น ที่มีชื่อไปปรากฎเป็นประธานบริษัท จึงอยากขอวิงวอนให้ทางธนาคารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อให้ความเป็นธรรมกับตนด้วย