นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดทนายกรัฐมนตรี กล่าวก่อนการประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า มั่นใจการเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรในวันนี้จะมีความราบรื่น เป็นไปด้วยดี แต่ก่อนเริ่มประชุมก็จะมีการย้ำ ส.ส.อีกครั้ง เพื่อซักซ้อมทำความเข้าใจกันให้การโหวตเป็นไปด้วยความราบรื่น
ทั้งนี้ ยังเชื่อว่า นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา จะไม่ถูกมองเป็นหมู่บ้านกระสุนตกที่มีความใกล้ชิดกับพรรคเพื่อไทย แต่จากหน้าสื่อ ก็ได้รับการยอมรับที่ดี และส่วนตัวเคยทำงานมาด้วยกัน จึงเชื่อมั่นว่าจะสามารถทำสภาให้ก้าวหน้าได้ ไม่ทำให้ประชาชนผิดหวัง
นายพิธา กล่าวว่า วันนี้ถือว่าเป็นการรักษาเอกภาพของพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลแล้ว ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ใหญ่กว่า แสดงให้เห็นถึงความหนักแน่นและความคงเส้นคงวาของพรรคก้าวไกลที่แสดงให้เห็นว่า หลักการสำคัญกว่าบุคคล ซึ่งนายวันมูหะมัดนอร์ ก็รับหลักการทุกอย่าง โดยเฉพาะการทำสภาให้เกิดความโปร่งใส มีประสิทธิภาพ รวมถึงกฎหมายสำคัญ และยืนยันว่าที่มีแถลงการณ์วานนี้ ที่ได้ระบุถึงการผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรมการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองได้รับความเห็นชอบ จึงได้ออกมาแถลงให้รับทราบ
ส่วนความคืบหน้าการรวมเสียง ส.ว.เพื่อสนับสนุนโหวตเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ขอให้รอดูช่วงระยะเวลาใกล้ๆ แต่ขณะนี้มีมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว จึงถือเป็นการส่งสัญญาณภาวะผู้นำที่ดี รุกได้ ถอยเป็น เช่น แม้จะเป็นพรรคที่หนึ่งจะต้องเสนอชื่อประธานสภาฯ แต่ในขณะเดียวกัน การรักษาเอกภาพ เพื่อที่จะได้เป้าหมายที่ใหญ่กว่าก็เป็นสิ่งสำคัญ แสดงให้เห็นอีกว่า ผู้นำคนนี้ก็เข้าใจว่า เมื่อเวลารุกก็รุกให้สุด เมื่อเวลาที่ถอยถ้าไม่เสียหลักการ และก็ได้ในสิ่งที่ไม่เสียหลักการ และเห็นความก้าวหน้าของสภา และประชาชนเป็นที่ตั้ง จึงถือเป็นการส่งสัญญาณบางอย่างให้ ส.ว.ได้เห็น
“การรุกได้ถอยเป็น ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ บริบทและบางกรณี แต่คนที่จะเป็นผู้นำต้องตัดสินใจเป็น ประกอบไปด้วยข้อมูล บริบท และสถานการณ์ต่างๆ บางครั้งหากการจะก้าวกระโดดให้ไกลก็ต้องถอยนิดนึง เพราะหากไม่ถอยก็จะกระโดดไม่ไกล ดังนั้นต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ แต่สิ่งสำคัญคือจะต้องไม่ขัดหลักการและสิ่งที่สัญญากับประชาชน” นายพิธา กล่าว
ส่วนการกำหนดวันเลือกนายกรัฐมนตรีนั้นให้มองไปไกลๆ แต่การปฏิบัติต้องวันต่อวัน ซึ่งถือเป็นวิธีการทำงาน และมั่นใจว่า มีเส้นทางที่สดใสในการเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป
สำหรับความสัมพันธ์กับพรรคเพื่อไทยที่ผ่านมาได้มีการพูดคุยกันมาตลอด สถานการณ์การทำงานมีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ซึ่งจะต้องมีการหารือกันมากขึ้น การทำงานของแต่ละพรรคแตกต่างกัน แต่ก็ต้องทำความเข้าใจและมีความเชื่อมั่นซึ่งกันและกัน ถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี มีการถอยออกมา และรับฟังฉันทามติ ก็สามารถบริหารจัดการได้ ทำให้เห็นภาวะผู้นำของ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล เป็นสิ่งสูงสุด
อย่างไรก็ตาม แนวนโยบายที่จะเดินหน้าแก้ไขกฎหมายอาญา มาตรา 112 นั้น ก่อนเลือกตั้งดำเนินการอย่างไร หลังเลือกตั้งก็จะดำเนินการเหมือนเดิม และผลักดันเข้าสู่สภา
ด้านคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) กล่าวถึงกรณีพรรคก้าวไกล (ก.ก.) และพรรคเพื่อไทย (พท.) ได้ข้อสรุปให้เสนอชื่อนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรว่า ดีใจที่มีข้อยุติที่เป็นบวกและเป็นประโยชน์ต่อการเดินหน้าประชาธิปไตยที่ประชาชนฝากความหวังไว้ ไม่อยากให้มีเรื่องอะไรให้ประชาชนผิดหวังอีก อยากให้คิดถึงความคาดหวังและประโยชน์ของประชาชนมากกว่าตำแหน่งของแต่ละพรรค โดยหวังว่าจะมีการเสนอชื่อเพียงคนเดียวตามความคาดหวังของประชาชนและตามที่ 8 พรรคได้พูดคุยกัน
ส่วนจุดยืนทางการเมืองที่ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่ง ส.ส.นั้น คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ขอให้ผ่านการโหวตประธานสภาฯ วันนี้ไปก่อน การตัดสินใจของตนจะดีต่อส่วนร่วม เพราะตนอยากทำหน้าที่แก้ปัญหาให้กับชาวบ้าน ตลอดหลายปีที่ผ่านมาแม้ไม่มีตำแหน่งก็ลงพื้นที่ทำงานกับชาวบ้าน โดยยังยืนยันจุดยืนเดิมที่จะลาออก