พิธา นำทีมเศรษฐกิจก้าวไกล ถก ส.อ.ท.ลุยขึ้นค่าแรง รับกระชากแรงแต่ไม่ใช่ครั้งแรก พร้อมช่วยเอกชน เผยเร่งเจรจาส.ว.ยังไม่ตัดสินใจยกมือหนุนนั่งนายกฯ
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 23 พ.ค. 2566 ที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล นำทีมเศรษฐกิจพรรคก้าวไกล เช่น น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล นายวีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร เข้าหารือกับ นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธาน ส.อ.ท. พร้อมผู้บริหาร ได้แก่ นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานส.อ.ท. นายกฤษณ์ อิ่มแสง เลขาธิการส.อ.ท. เพื่อขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจ อาทิ นโยบายค่าแรง 450 บาทต่อวัน นโยบายปรับโครงสร้างการผลิตไฟฟ้า ราคาเหมาะสม การพัฒนาเอสเอ็มอี การปรับกฎเกณฑ์การดูแลของภาครัฐให้สะดวกขึ้น
โดยนโยบายดังกล่าว ถูกบรรจุอยู่ในบันทึกข้อตกลงร่วมกัน (เอ็มโอยู) จำนวน 23 ข้อ จาก 8 พรรคร่วมรัฐบาล นำโดยพรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย พรรคประชาชาติ พรรคไทยสร้างไทย พรรคเสรีรวมไทย พรรคเพื่อไทรวมพลัง พรรคเป็นธรรม และพรรคพลังสังคมใหม่
นายพิธา ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าหารือส.อ.ท. ถึงการออกเสียงสนับสนุนเป็นนายกรัฐมนตรีของ ส.ว. ว่า ดูท่าทีวันนี้ยังไม่มีปัญหา หากมีการเจรจาจะอัพเดตให้สาธารณชนรับทราบ หากส.ว.มองว่าเป็นเรื่องของระบบมากกว่าเรื่องของบุคคล ต้องประคับประคองเพื่อหาทางออก ส่วนส.ว.ที่ยังไม่ได้ตัดสินใจ แกนนำพรรคการก้าวไกลและพรรคร่วมพยามเจรจาพูดคุยกันอยู่
นายพิธา กล่าวว่า ส่วนการเดินมาทางที่ ส.อ.ท. เพราะมีส.ว.หลายท่านทำงานในยุครัฐบาลไทยรักไทย สมัยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกฯ เคยทำงานที่นี่ จึงผูกพันกัน ซึ่งส.ว.หลายท่านเคยทำงานในหลายกระทรวงเศรษฐกิจ อาทิ กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ เคยเห็นตนมาตั้งแต่อายุ 20 กว่า ความชัดเจนจะมากขึ้นแน่นอน
เข้าใจว่าต้องใช้เวลาอธิบาย เพื่อให้ประชาชนสบายใจ รวมถึงนักธุรกิจที่จะมั่นใจต่อเสถียรภาพของรัฐบาล จึงเป็นเหตุที่มาเข้าพบในวันนี้ พร้อมรับฟัง 6 ข้อเสนอของภาคเอกชน ที่คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร. นำเสนอไปก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายพรรคคือ เน้นบรรเทาทุกข์ เน้นความเท่าเทียม เน้นเรื่องความทันสมัย เป็นธรรม และเป็นการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ลดความเหลื่อมล้ำด้วย เชื่อว่าเมื่อนักธุรกิจได้รับฟังก็จะเห็นภาพที่ชัดเจน ในการเดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจในช่วงที่เศรษฐกิจโลกซบเซา
สำหรับนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 450 บาทนั้น บางเรื่องที่ต้องรวดเร็วก็ต้องรวดเร็ว บางเรื่องที่ต้องรอบคอบก็ต้องรอบคอบ สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์แรกที่มีคณะกรรมการเปลี่ยนผ่าน จึงต้องมาคุยกับ ส.อ.ท. และกกร.เพื่อรับฟังภาคเอกชน ทั้งเรื่องของแรงงาน เอสเอ็มอีและจะนำไปคุยกับพรรคร่วมรัฐบาล ส่วนข้อเสนอของภาคเอกชนให้ปรับแบบจ่ายตามความสามารถ (Pay by skill) นั้น โดยหลักการของพรรคก้าวไกลก็มีแนวคิดเช่นกัน
“ภายในสัปดาห์นี้เราจะพิจารณาให้รอบด้าน ซึ่งพรรคเพื่อไทยก็เห็นด้วยกับการขึ้นค่าแรง แต่ในเรื่องของตัวเลขอัตราค่าจ้างนั้น เข้าใจว่า การขึ้นค่าแรงในลักษณะนี้ อาจจะกระชากไปนิดนึง แต่ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะเคยเกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาแล้ว แต่คณะกรรมการเปลี่ยนผ่านกำลังไปศึกษาแพคเกจการขึ้นค่าแรงสมัยปี 2556 และจับมาอัพเดตรายละเอียดเรื่องการช่วยเหลือแรงงาน และภาคอุตสาหกรรมด้วย พร้อมพิจารณาเรื่องขีดความสามารถในการแข่งขันด้วย”
ส่วนที่เอกชนอยากให้เร่งจัดตั้งรัฐบาลให้เสร็จก่อนเดือนส.ค.นั้น นายพิธา ระบุว่า เรื่องนี้อยู่ในกรอบของกฎหมาย และต้องรอคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)รับรอง ถ้ารับรองเร็ว กระบวนการจัดตั้งรัฐบาลก็จะเป็นไปอย่างรวดเร็ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การหารือร่วมกับส.อ.ท. นายพิธาได้นั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างเข้ามาที่สำนักงาน ส.อ.ท. เพื่อให้ทันเวลานัดคือ 10.00 น.