ผวจ.กาฬสินธุ์ นำเหล่ากาชาดจังหวัด ส่วนราชการ ลงพื้นที่อำเภอหนองกุงศรี ติดตามเหตุวาตภัย บ้านพัง 63 หลังคาเรือน 2 ตำบล 9 หมู่บ้าน พร้อมสั่งการหน่วยงานเร่งดูแลช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนโดยด่วน สั่งการทั้ง 18 อำเภอ เฝ้าระวังพายุฤดูร้อนในพื้นที่อย่างใกล้ชิด
19 มี.ค.65 – ที่บ้านโคกเจริญ หมู่ที่ 10 ต.หนองกุงศรี อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมด้วยคณะกรรมการเหล่ากาชาด จ.กาฬสินธุ์ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.กาฬสินธุ์ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง
ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ และให้การช่วยเหลือประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุวาตภัย พายุฤดูร้อน พัดบ้านเรือนได้รับความเสียหายหลายหลังคาเรือน
โดยมีนายจารุวัฒน์ ภูแก้ว นายอำเภอหนองกุงศรี พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ นายกเทศบาลมนตรีตำบลคำก้าว กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน และประชาชนในพื้นที่ ให้การต้อนรับและรายงานสถานการณ์
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 15 มี.ค. 2565 เวลาประมาณ 21.00 น. ที่ผ่านมา เกิดพายุฤดูร้อนฝนตกหนักและมีลมกระโชกแรงภายในเขตพื้นที่ อ.หนองกุงศรี เบื้องต้นมีบ้านเรือนราษฎรได้รับความเสียหาย 2 ตำบล 9 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อนบ้านพังเสียหาย จำนวน 63 ครัวเรือน และเสาไฟฟ้า จำนวน 5 ต้น
ผวจ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า หลังจากได้รับรายงานการเกิดเหตุวาตภัย พื้นที่ อ.หนองกุงศรี จึงได้เร่งเดินทางมาติดตามสถานการณ์ และต้องการมาให้กำลังใจกับพี่น้องประชาชนผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุวาตภัยในครั้งนี้
โดยนำทีมเหล่ากาชาด จ.กาฬสินธุ์ มามอบถุงยังชีพเพื่อเป็นขวัญกำลังใจ และมอบเงินช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น พร้อมทั้งได้สั่งการให้ฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น บูรณาการในการทำงาน เพื่อเร่งสำรวจความเสียหาย
ทั้งในส่วนของบ้านเรือน พื้นที่การเกษตร รวมทั้งสาธารณูปโภคต่างๆในชุมชน และวางแผนในการช่วยซ่อมแซมบ้านเรือนประชาชนที่ได้รับผลกระทบในทันที เพื่อให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบสามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติโดยเร็ว
อีกทั้งได้มีการสั่งการให้ทั้ง 18 อำเภอ เฝ้าระวังปัญหาวาตภัยในพื้นที่อย่างใกล้ชิด เป็นภัยทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นและเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกปี ขอให้ประชาชนติดตามข่าวพยากรณ์อากาศจากสถานีอุตุนิยมวิทยา เลี่ยงอยู่ในพื้นที่เสี่ยงหากมีพายุ ลมกรรโชกแรง หรือท้องฟ้าคะนอง โดยในปี 2565 เกิดพายุแล้ว 2 ครั้ง พื้นที่เสียหายใน 3 อำเภอ บ้านพังเสียหายแล้วกว่า 180 ครัวเรือน