“พรเพชร” เชื่อ ส.ว.โหวตเลือกนายกฯ เสียงแตกแน่ แนะหลักการควรยืนอยู่บนพื้นฐาน”คนดี คนเก่ง” นำพาประเทศชาติให้มั่นคงตามระบอบประชาธิปไตย ไม่ตอบ ประธานสภาฯ ควรเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่
นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงการประชุมสภาเพื่อเลือกประธานสภาผู้แทนราษฏร ในวันที่ 4 ก.ค.66 ว่า ช่วงแรกเป็นการกล่าวแสดงวิสัยทัศน์ต่างๆ ส่วนการลงมติคาดว่าจะใช้ระยะเวลาไม่นาน และน่าจะไม่เกินช่วงเย็น เพราะการลงมติในครั้งนี้เป็นการลงคะแนนลับ ซึ่งการลงคะแนนดำเนินการได้สองแบบ คือ ปุ่มลงคะแนน และเสียบบัตรลงคะแนน ส่วนจะเลื่อนวันลงมติหรือไม่ตนเองไม่สามารถตอบได้เนื่องจาก ไม่ได้อยู่ในฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
เมื่อถามถึงทิศทาง ส.ว.ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี นายพรเพชร กล่าวว่า จะเกิดขึ้นหลังการเลือกประธานสภา ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร ส่วนจะเป็นไปในทางทิศทางเดียวกันหรือไม่นั้น พูดได้เลยว่าการโหวตไม่ได้เป็นไปในทิศทางเดียวกันหรอก เพราะไม่ทราบว่าใครคิดอย่างไร เพราะเขาก็มีความคิดของเขา แต่สิ่งหนึ่งที่ตนเชื่อมั่นก็คือแต่ละท่านก็ต้องมีเหตุมีผล มีวุฒิภาวะ และตอบได้ว่าจะออกเสียงอะไรเพราะการเลือกนายกฯ เป็นประเภทเดียวที่เปิดให้สมาชิกรัฐสภา ลงมติ โดยการแสดงตน เปิดเผยว่าตนเองเลือกท่านใดหรือเห็นชอบอย่างไร
เมื่อถามว่า พรรคก้าวไกลได้มีการประสานพูดคุยกับประธาน ส.ว. บ้างหรือไม่ นายพรเพชร ระบุว่า ไม่หรอกครับ เพราะท่านทราบดีว่าผมต้องทำหน้าที่เป็นกลาง พร้อมยืนยันว่า ไม่มีพรรคไหนมาถามตน
เมื่อถามว่า ส่วนตัวเชื่อหรือไม่ วันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย นายพรเพชร กล่าวว่า มันไม่น่าจะมีอะไรที่ไม่เรียบร้อย เพราะเชื่อว่าทุกท่านคงเข้าใจ เพราะถ้าทำในขอบเขตก็ไม่น่าเกิดอะไร แต่ถ้ามีปัญหาและโต้เถียงกันประธานที่ประชุมก็คงดูแลได้ดี
เมื่อถามว่า เหตุผลการเลือกนายกรัฐมนตรีส.ว.ควรยืนอยู่บนพื้นฐานอะไร นายพรเพชร กล่าวว่า ก็ต้องอยู่บนพื้นฐานตามข้อปฏิบัติของรัฐธรรมนูญก่อน ส่วนพื้นฐานก็ต้องเลือกคนดีคนเก่ง เป็นหลักแต่การดีและเก่งก็ต้องมีความสามารถที่จะนำพาประเทศชาติ มัรนคงตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งเชื่อว่า ว่าที่นายกรัฐมนตรีก็ต้องมีจุดยืนหรือวิธีการทำให้ประชาชนเข้าใจ ว่า จะมุ่งพาไปทางไหนซึ่งสิ่งเหล่านี้สมาชิกรัฐสภาก็ต้องนำไปพิจารณา
ส่วนที่สังคมกดดันให้ ส.ว.โหวตเลือกพรรคอันดับหนึ่งนั้น นายพรเพชร กล่าวว่า ก็เป็นธรรมดาของผู้ที่ใช้สิทธิ์ ที่อยากให้คนที่เขาเลือกมาได้สมประสงค์ แต่ก็ขอให้อยู่ในขอบเขต เพราะหลักการที่ตนพูดเสมอต้องทำหน้าทีดีที่สุดคือ ส.ว. ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
ต้องตอบคำถามได้และเลือกคนที่ดี มีความรู้ความสามารถ ที่สำคัญต้องคำนึงถึงประเทศชาติ นอกจากนี้ ต้องดูการพัฒนาระบอบประชาธิปไตย เพื่อความมั่นคง ส่วนการจะแก้รัฐธรรมนูญหรืออะไร ก็ต้องว่ากันไปตามกฎเกณฑ์ พร้อมย้ำว่า สิ่งที่ทำก็ต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ และอยากให้สังคมและสมาชิกรัฐสภาเข้าใจในประเด็นต่างๆเพื่องานจะได้สำเร็จ
เมื่อถามถึงกรณีการเลือกประธานสภาควรจะเป็นคนที่มีพรรษาทางการเมืองเยอะหรืออายุน้อยก็ได้นั้น นายพรเพชร ปฏิเสธตอบคำถาม โดยระบุไม่สามารถให้ความเห็นได้ เพราะการจะเลือกประธานสภาแต่ละครั้ง มีเหตุผลหลักคือพรรคการเมืองเสียงข้างมากที่เสนอ ก็มักจะให้ผู้ที่เป็น ส.ส.ถึงจะเป็นได้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ แต่ในบางครั้งก็ไม่เป็น ซึ่งก็ต้องมีเหตุที่อธิบายได้ เพราะมองว่าตอนนี้อาจจะยังไม่ตกผลึกหรอกมั้ง เพราะต้องรอเค้าคุยกันต่อไป