เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 18 ม.ค. ที่ กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว ผู้ปกครองของ นายโก๊ะ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน หลังจากที่ ตำรวจเชิญตัวผู้ปกครองของ 5 เยาวชนแก๊งค์ลูกตำรวจ ที่ฆ่าป้าบัวผัน จนเสียชีวิต มาสอบปากคำที่ โดยมี พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 และ พล.ต.ต.ออมสิน บุญญานุสนธิ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว มาร่วมสอบปากคำ
ผู้ปกครองของ นายโก๊ะ กล่าวว่า พ่อแม่น้องแยกทางกัน ปกติโก๊ะตะอาศัยอยู่กับคุณตาคุณยายและตนเอง ที่ผ่านมาตนเองได้ส่งเสริมให้หลานให้เรียนไป และคอยดูแลตลอดแต่หลานมักจะชอบหนีออกไปข้างนอก ตนก็ไม่ทราบว่าหลานจะมีพฤติกรรมแบบนี้
พฤติกรรม นายโก๊ะ
ส่วนพฤติกรรมชอบหนีไปเที่ยวนอกบ้านตอนกลางคืน ตนเองพยายามแก้ปัญหาและตักเตือนไปแล้ว แต่ไม่สามารถที่จะคุมพฤติกรรมได้เนื่องจากหลานมักจะหนีออกไปช่วงเวลากลางคืนและตนก็ทำงาน ค้าขาย ไม่เคยทราบเลยว่าหลานออกไปทำที่ไหน พอกลับมาน้องก็ไม่เคยเล่าอะไรให้ฟังเลย ทุกครั้งที่ตักเตือนน้องก็จะพยักหน้า “ครับ” เหมือนรับฟังแต่ไม่ปฏิบัติตาม
- สั่งย้ายผกก.สภ.อรัญประเทศ เซ่นปม คดีป้าบัวผัน – คลิปเสียงลุงเปี๊ยก
- เปิดบทสนทนา! ‘ลุงเปี๊ยก-มูลนิธิวินวิน’ เหมือนเขาเข็ญให้ผมยอมจำนน
- สารวัตรสืบสวน ยืนยัน ไม่มีการเอาถุงดำคลุมหัว ลุงเปี๊ยก ให้รับสารภาพ
เมื่อมาเกิดเหตุการณ์ป้าบัวผันขึ้น ตนเองได้สอบถามว่า “ทำไปทำไม” น้องก็ไม่ตอบ ได้แต่ร้องไห้อย่างเดียว และบอกว่า “เพื่อนชวนไป” และก็ไม่ยอมพูดอะไรมากไปกว่านี้ และมีท่าทีสำนึกผิด ซึ่งกลุ่มเพื่อนกลุ่มนี้ คบหากันมานานแล้ว เวลานายโก๊ะอยู่บ้าน ก็ไม่มีพฤติกรรมเกเร แต่ในฐานะผู้ปกครอง ยอมรับว่า หลานเป็นเด็กเกเร โดดเรียน ไม่ยอมไปเรียนหนังสือ บางวันแต่งตัวชุดนักเรียนก็ไม่ไปเรียนก็มีซึ่งตนก็พาย้ายโรงเรียนแล้ว แต่ก็มีพฤติกรรมแบบเดิม
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเองเห็นคลิปแล้วก็รู้สึกตกใจ มองว่า ไม่มีใครห้ามใคร จึงได้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ส่วนที่มีกระแสว่านายโก๊ะมีคดีข่มขืน และคดีอื่น ๆ ตนก็เพิ่งมาทราบหลังจากที่เกิดเรื่องพร้อมกับทุกคน เพราะโก๊ะไม่เคยมาบอก
ครั้งนี้ตนไม่ได้มองว่า หลานเป็นคนดี ก่อเหตุแล้วชนะ เพราะเขาทำคนที่ไม่มีทางสู้ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น น้องก็สำนึกผิด แต่ก็ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ทำ รวมถึงครอบครัว หากจะต้องถูกดำเนินคดี ก็พร้อมน้อมรับ เพราะเรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว
“อยากฝากบอกถึงกลุ่มวัยรุ่น ที่ตอนนี้ยังออกมาก่อกวน ข่มขู่ชาวบ้าน ว่า ทำแบบนี้ คนที่เดือดร้อนที่สุด คือครอบครัว พวกเขาได้เข้าไปในสถานพินิจ มีคนดูแล แต่ครอบครัวได้รับผลกระทบกับพฤติกรรมเหล่านี้ ซึ่งก็มีโอกาสได้พูดคุยกับครอบครัวของเด็กในแก๊ง ทั้งครอบครัวก็พยายามดูแลเด็กให้ดีกันทุกครอบครัว แต่ด้วยภาระหน้าที่ของแต่ละครอบครัว ที่จะต้องออกไปทำงาน ไม่มีเวลามานั่งเฝ้า คุมพฤติกรรมตลอด จึงอยากให้เด็กพวกนี้ หยุดพฤติกรรม สร้างความวุ่นวาย ให้มันจบแค่นี้เถอะ”
ที่มา : 3PlusNews