ป.ป.ช.เปิดเซฟ ‘ผอ.สถาบันวัคซีน’ รวย 55 ล้าน เงินลงทุน 25 ล้าน ฟันรายได้ต่อปี 3.2 ล้าน ‘เลขาป.ป.ง.’ มีทรัพย์สิน 50 ล้าน-พระดังเพียบ

เมื่อวันที่ 21 ม.ค.65 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงหลายราย ที่น่าสนใจในรายของ นพ.นคร เปรมศรี กรณีเข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ และพล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ป.ป.ง.) กรณีทุกสามปีตลอดเวลาที่ยังดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ

โดยนพ.นคร พร้อมด้วย น.ส.รัชนี เปรมศรี คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ แจ้งว่ามีทรัพย์สินรวมทั้งสิ้น 55,210,151 บาท โดยแบ่งเป็นทรัพย์สิน นพ.นคร 30,655,106 บาท ส่วนทรัพย์สินคู่สมรส 24,523,126 บาท และทรัพย์สินของบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ 31,918 บาท

โดยทรัพย์สินทั้งหมดประกอบด้วย เงินฝากรวม 4,710,982 บาท เงินลงทุนรวม 25,727,249 บาท ส่วนใหญ่เป็นเงินลงทุนบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ บ.เมย์แบงค์(ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มูลค่ากว่า 13,458,415 บาท เงินลงทุนในกองทุน LTF,RMF และกองทุนรวมอื่นๆ ของธนาคารไทยพาณิชย์ ทั้งของ นพ.นครและคู่สมรส มูลค่ารวม 9,417,443 บาท

ส่วนโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างประกอบด้วยบ้านตึก 3 ชั้น ห้องชุด และบ้านเดี่ยว มูลค่ารวม 20,500,000 บาท ยานพาหนะรวม 1,450,000 บาท สิทธิและสัมปทาน ซึ่งแจ้งว่าเป็นสัญญาเช่าที่ราชพัสดุ สำนักงานธนารักษ์พื้นที่ปราจีนบุรี มูลค่า 2,000,000 บาท ทรัพย์สินอื่นรวม 790,000 บาท อาทิ สร้อยคอทองคำและเหรียญพระมหาชนกเลี่ยมทองคำ 2 เส้น แหวนเพชรรวม 3 วง ชุดเครื่องประดับเพชร 2 ชุด กำไลทองคำฝังเพชร เป็นต้น ส่วนหนี้สิน 3,477,293 บาท เป็นหนี้ในส่วนของ นพ.นคร โดยแจ้งว่าเป็นเงินกู้จากธนาคารและสถาบันการเงินอื่น

นอกจากนั้น นพ.นคร ยังแจ้งว่า มีรายได้ต่อปี 3,245,296 บาท เป็นเงินเดือน 1,940,000 บาท เงินเพิ่มพิเศษ 884,000 บาท เงินบำนาญ 421,296 บาท นอกนั้นเป็นรายได้จากเงินปันผลจากกองทุน LTF และเงินปันผลจากการลงทุน โดยแจ้งว่ามีค่าใช้จ่ายตอปี 3,000,000 บาท ส่วนคู่สมรสแจ้งว่ามีรายได้ต่อปี 3,960,000 บาท โดยส่วนใหญ่เป็นเงินเดือน 3,800,000 บาท นอกนั้นเป็นรายได้จากเงินปันผลจากกองทุน LTF และเงินปันผลจากการลงทุน โดยแจ้งว่ามีค่าใช้จ่ายต่อปี 2,050,000 บาท

ด้าน พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ พร้อมด้วยนางชุติมา ปิงเมือง คู่สมรส แจ้งว่ามีทรัพย์สินทั้งหมด 50,029,752 บาท โดยแบ่งเป็นทรัพย์สิน พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ 13,302,910 บาท ทรัพย์สินคู่สมรส 36,726,842 บาท โดยทรัพย์สินทั้งหมดประกอบด้วย เงินสด รวม 13,600,000 บาท เงินฝากรวม 11,757,664 บาท เงินลงทุน ในสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจแห่งชาติ และสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจนครบาลรวม 991,000 บาท

ที่ดินของคู่สมรส 3 รายการ ในพื้นที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และ อ.เม่สาย อ.เมื่อ จ.เชียงใหม่ มูลค่ารวม 11,700,000 บาท ยานพาหนะ รถยนต์โตโยต้าอัลพาร์ท 1 คัน 2,450,000 บาท สิทธิและสัมปทาน เป็นเงินเอาประกันภัย 2 รายการ มูลค่ารวม 256,088 บาท

ทรัพย์สินอื่นรวม 9,275,000 บาท โดยรายการที่น่าสนใจคือพระเครื่องชื่อดัง อาทิ เหรียญหลวงพ่อฉุย วัคคงคาราม 2 รายการ พระหลวงพ่อปาน ขี่เม่น วัดบางนมโค พระปิดตาหลวงพ่อแก้ว วัดในปากทะเล พระหลวงพ่อปาน ขี่ครุฑ เลี่ยมทอง พระปิดตาหลวงปู่โต๊ะ เลี่ยมทอง พระหลวงปู่ทวด หลังเตารีด พระหลวงปู่ทวด เนื้อทองเหลืองรมดำ เป็นต้น

ส่วนหนี้สิน 1,294,017 บาท + VAT เป็นหนี้ในส่วนของ พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ โดยแจ้งว่าเป็นหนี้สินอื่นที่ทำกับบริษัทราชธานีลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน)
นอกจากนั้น พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ยังแจ้งว่า มีรายได้ต่อปี 51,709,267 บาท โดยส่วนใหญ่มาจากการขายที่ดิน เขตจตุจักร กทม. 50,000,000 บาท

นอกจากนั้นเป็นรายได้จากเงินเดือน สตช. เงินเดือน ป.ป.ง. เบี้ยประชุมตำรวจสื่อสาร เงินกรรมการวิทยุราชดำเนิน และการขายซากรถยนต์ ส่วนค่าใช้จ่ายต่อปี 17,399,382 บาท โดยแจ้งว่าเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว ค่าคอนโด ค่าซ่อมแซมคอนโด ค่าเดินทางไปต่างประเทส ค่าสมาชิกสนามกอล์ฟราชกรีฑาสโมสร ค่าดาวน์รถยนต์ และซื้อพระเครื่อง เป็นต้น

ส่วนคู่สมรส แจ้งว่ามีรายได้ต่อปี 928,487 บาท โดยส่วนใหญ่เป็นเงินบำนาญ ส่วนรายจ่ายต่อปี 10,291,088 บาท โดยแจ้งว่าเป็นค่าใช้จ่ายในการซื้อทองคำกว่า 5,145,000 บาท นอกจากนั้นเป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับคอนโด ค่าซ่อมแซมคอนโด ซ่อมแซมบ้าน ชำระหนี้สิน เป็นต้น