อะโวคาโด (Avocado) เป็นผลไม้ที่มีต้นกำเนิดในเม็กซิโกและอเมริกากลาง อะโวคาโดเป็นผลไม้ที่มีเนื้อสัมผัสเนียน รสชาติมัน และมีไขมันสูง มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและอุดมไปด้วยสารอาหารหลายชนิด เช่น วิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี วิตามินอี โพแทสเซียม แมกนีเซียม ไฟเบอร์ และสารต้านอนุมูลอิสระ อะโวคาโดจึงมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย ดังนี้
ประโยชน์ของอะโวคาโด
- บำรุงหัวใจและระบบไหลเวียนโลหิต อะโวคาโดมีไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวสูง ซึ่งช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล LDL (คอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี) และเพิ่มระดับคอเลสเตอรอล HDL (คอเลสเตอรอลชนิดดี) นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิตและลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดหัวใจ
- บำรุงผิวและผม อะโวคาโดมีวิตามินอีและสารต้านอนุมูลอิสระสูง ซึ่งช่วยปกป้องผิวและผมจากความเสียหายของอนุมูลอิสระ อะโวคาโดยังสามารถใช้ทาผิวเพื่อรักษาปัญหาผิวแห้ง หยาบกร้าน และรอยแตกลายได้
- ควบคุมน้ำหนัก อะโวคาโดมีไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวสูง ซึ่งช่วยควบคุมความอยากอาหารและทำให้อิ่มนานขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งของไฟเบอร์สูง ซึ่งช่วยในการย่อยอาหารและขับถ่าย
- เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน อะโวคาโดมีวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระสูง ซึ่งช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและป้องกันโรคหวัดและไข้หวัดใหญ่
- บำรุงสมองและระบบประสาท อะโวคาโดมีวิตามินบีสูง ซึ่งช่วยบำรุงสมองและระบบประสาท นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิตไปยังสมองและป้องกันโรคอัลไซเมอร์และโรคพาร์กินสัน
- ป้องกันโรคมะเร็ง อะโวคาโดมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ซึ่งช่วยป้องกันโรคมะเร็ง อะโวคาโดมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด เช่น ลูทีน ซีแซนทีน เบต้าแคโรทีน และวิตามินอี ซึ่งช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายของอนุมูลอิสระ ความเสียหายของอนุมูลอิสระเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งหลายชนิด
สำหรับผู้ที่ไม่แพ้อะโวคาโด การบริโภคอะโวคาโดเป็นประจำ จะช่วยส่งเสริมสุขภาพที่ดีและช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ อย่างได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อควรระวังในการทานอะโวคาโด มีดังนี้
- อะโวคาโดเป็นผลไม้ที่มีไขมันสูง จึงควรรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่ควรรับประทานมากเกินไป เพราะอาจทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้
- อะโวคาโดสดมีสารแทนนินสูง ซึ่งอาจทำให้ท้องผูกได้ ผู้ที่มีปัญหาท้องผูกควรรับประทานอะโวคาโดสุกมากกว่าอะโวคาโดสด
- อะโวคาโดมีสารเคมีบางชนิดที่อาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้ เช่น อาการคัน ผื่นแดง ปากบวม หายใจลำบาก ผู้ที่แพ้อะโวคาโดไม่ควรรับประทานอะโวคาโด
- อะโวคาโดเป็นผลไม้ที่มีฤทธิ์ต้านการแข็งตัวของเลือด จึงควรระมัดระวังในผู้ที่รับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด
- อะโวคาโดเป็นผลไม้ที่มีไขมันสูง จึงควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอะโวคาโดในผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับไขมันในเลือดสูง
โดยรวมแล้ว อะโวคาโดเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย แต่ควรรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะและควรระมัดระวังในผู้ที่มีปัญหาสุขภาพบางประการ
วิธีรับประทานอะโวคาโด
อะโวคาโด สามารถรับประทานสด นำไปประกอบอาหาร หรือทำเป็นเครื่องดื่มได้ อะโวคาโดสดสามารถรับประทานเป็นอาหารเช้า อาหารกลางวัน หรืออาหารเย็น อะโวคาโดสดสามารถรับประทานกับขนมปัง ซีเรียล โยเกิร์ต หรือผลไม้อื่นๆ อะโวคาโดยังสามารถนำไปประกอบอาหาร เช่น สลัดอกไก่ ข้าวผัด แกงกะหรี่ หรือพาสต้า อะโวคาโดยังสามารถทำเป็นเครื่องดื่ม เช่น สมูทตี้ น้ำผลไม้ หรือน้ำชา
อะโวคาโด พันธุ์ไหนอร่อย
อะโวคาโดมีหลายพันธุ์ที่มีรสชาติและลักษณะที่แตกต่างกันไป ดังนี้เป็นตัวอย่างของพันธุ์อะโวคาโดที่มีความนิยม ดังนี้
-
Hass Avocado อะโวคาโดพันธุ์ Hass เป็นพันธุ์ที่นิยมมากที่สุด มีเนื้อมัน กลมรูปและมีเนื้อหนา มีรสชาติหวานกลมกล่อม พันธุ์นี้เหมาะแก่การทานสดหรือใช้ในอาหารและเครื่องปรุงรสต่างๆ
-
Fuerte Avocado อะโวคาโดพันธุ์ Fuerte เป็นพันธุ์ที่ได้รับความนิยมมากในอดีต มีเนื้อเนียนเป็นเนื้อแกมสีเขียวและเนื้อหอมอ่อน มีรสชาติอ่อนหวานและมีความสมดุล มักถูกนำมาใช้ในการทำกับข้าวหรือเสิร์ฟบนขนมปัง
-
Pinkerton Avocado อะโวคาโดพันธุ์ Pinkerton มีเนื้อขาว มีความหอมและรสชาติเปรี้ยวอมหวาน มักใช้ในอาหารที่เตรียมล่วงหน้าเช่น สลัด หรือเครื่องปรุงรสอื่นๆ
-
Reed Avocado อะโวคาโดพันธุ์ Reed มีขนาดใหญ่และเนื้อหนา มีรสชาติหวานเข้ม มักนำมาใช้ในอาหารทางเครื่องดื่ม และเครื่องปรุงรสต่างๆ เช่น น้ำผลไม้และไอศกรีม
*ความอร่อยของอะโวคาโดขึ้นอยู่กับรสชาติและความชอบของแต่ละบุคคล