สุวัจน์ ย้ำ ชพก. มีประสบการณ์ แก้ไขปัญหาค่าไฟ-ค่าเอฟที ได้จริง ยันเป็นนโยบายด่วน เร่งนำเสนอช่วย ปชช. จี้ กกต.เข้มปราบซื้อเสียง แนะผู้สมัครส.ส.ให้ชัด อะไรทำได้ทำไม่ได้ลดเสี่ยงทุจริต
26 เม.ย. 66 – นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า ลงพื้นที่เดินตลาดกลางเมืองโคราชช่วย นายเทวัญ ลิปตพัลลภ ผู้สมัคร ส.ส. เขต 1 เบอร์ 5
โดยนายสุวัจน์ กล่าวว่า พี่น้องประชาชนชาวจังหวัดนครราชสีมาและพ่อค้าแม่ค้าในตลาดตังค์บ่นกันเรื่องค่าไฟแพง พรรคชาติพัฒนากล้า จึงได้แนะนำว่า จะประหยัดไฟต้องเลือก เบอร์ 5 นายเทวัญ
เพราะฉะนั้นอะไรที่จะช่วยลดภาระให้กับพี่น้องประชาชนได้ขอให้รีบทำทันที โดยเฉพาะเรื่องค่าไฟฟ้า เพราะเป็นต้นทุนของสินค้าทุกอย่าง กระทบกับทุกชีวิต ซึ่งทุกพรรคการเมืองขณะนี้เห็นตรงกันว่าจะเข้ามาแก้ไขเรื่องค่าไฟ
นายสุวัจน์ กล่าวว่า ชาติพัฒนากล้าได้พูดมาตลอดว่า ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องปรับโครงสร้างราคาพลังงาน น้ำมัน ไฟฟ้า เพราะใช้กันมานานแล้ว และเมื่อสถานการณ์มาถึงจุดวิกฤต เป็นปัญหาของประเทศ และทุกคนเห็นตรงกัน พวกเราก็มีหน้าที่หลังเลือกตั้งว่า ต้องมาทำเรื่องนี้กันอย่างจริงจัง เพื่อดึงเศรษฐกิจให้กลับคืนมา เพราะอย่าลืมว่า ถ้าพลังงานราคาถูกเป็นการต้อนรับนักลงทุน นักท่องเที่ยว
นายสุวัจน์ กล่าวว่า พรรคชาติพัฒนากล้าเคยทำมาแล้วในเรื่องภาษี ค่าการกลั่น ซึ่งเราเคยเชิญโรงกลั่นมาคุยกัน ขอให้ลดค่าการกลั่น ค่าเอฟที โดยเฉพาะค่าเอฟทีนั้นมีขึ้นมีลง ในความเป็นจริงสามารถชะลอหรือเลื่อนออกไป และให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตช่วยรับภาระไว้ก่อน
ค่าเอฟทีขึ้นอยู่กับตัวผันแปล ค่าแก๊ส ค่าน้ำมัน ดัชนีผู้บริโภค และค่าเงินบาท ดังนั้นมีขึ้นมีลง ในช่วงนี้ขึ้นสูงสุด แล้วถ้าเอาค่าเอฟทีช่วงนี้มาเก็บทุกคนก็เดือดร้อน เรารอสักพัก รอสักช่วงหนึ่ง ค่าเอฟทีเดี๋ยวก็ต้องลง เป็นเรื่องบริหารการจัดเก็บค่าเอฟที อย่างน้องเราก็พยายามทำซึ่งเป็นเรื่องที่ดี แต่ตน คิดว่ามันสามารถทำได้มากกว่านี้
นายสุวัจน์ กล่าวว่า ตอนนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดีทุกพรรคการเมืองก็พยายามนำเสนอทางแก้ไขให้กับประชาชนโดยตรง แต่ก็ต้องรอบคอบ ดูว่าเป็นภาระหนี้สิน ต้องดูว่างบประมาณมีมากน้อยเพียงใด ดูโครงสร้างทางเศรษฐกิจ สภาพคล่อง ดูการเงินของประเทศประกอบกันไป
ซึ่งพรรคชาติพัฒนากล้าเห็นว่า วิธีทางที่ช่วยได้ดีที่สุด คือส่งงานไปให้ประชาชน เพื่อให้งานสร้างเงินและมีความยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นงานในภาคเกษตร การท่องเที่ยว การผลิตอาหาร วัฒนธรรมและซอฟพาวเวอร์ โดยคิดว่าการท่องเที่ยวสามารถเป็นพระเอกได้ในวันนี้
นายสุวัจน์ กล่าวว่า ในช่วงที่มีวิกฤตนี้ นโยบายประชานิยมเป็นนโยบายขานรับอย่างหนึ่ง แต่ก็ต้องดูว่า สถานการณ์ของประเทศไทยขณะนี้ จะสามารถรองรับนโยบายประชานิยมนั้นได้มากน้อยเพียงใด ซึ่งขึ้นอยู่กับตัวเลขทางการเงินของประเทศ
เมื่อเสนอประชานิยมไปแล้วก็ต้องหารายรับมาชดเชย ดังนั้นถ้าเป็นคนใช้เก่งก็ต้องเป็นคนที่หาเก่งด้วย จะได้ไม่มีปัญหา หลังการเลือกตั้งก็ต้องได้รัฐบาลใหม่ที่มีการจัดการเรื่องการหารายได้เข้าประเทศ และจะใช้จ่ายอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อประชาชนและการพัฒนาประเทศ
นายสุวัจน์ กล่าวว่า ขอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ทำงานอย่างหนักในเรื่องการปราบปรามการซื้อเสียง เพราะการซื้อเสียงนำไปสู่การเลือกตั้งที่ไม่เป็นธรรม ต้องสร้างแฟร์เพลย์ให้เกิดขึ้นเพื่อให้ทุกคนได้รับความเป็นธรรมได้รับผลการเลือกตั้งที่เป็นธรรม เมื่อชัยชนะเป็นธรรมทุกคนก็ยอมรับบ้านเมืองก็เรียบร้อย
ตน เป็นห่วงเรื่องนี้อยู่ ขอฝากกกต.ช่วยดูแลความเรียบร้อยในการเลือกตั้ง โดยเฉพาะจับตาเรื่องกระทำผิดกฏหมายขอให้เข้มงวด กกต. ช่วยประชาสัมพันธ์สร้างความชัดเจนว่าอะไรทำได้ทำไม่ได้ก็จะเป็นอีกทางหนึ่ง ที่จะช่วยให้เกิดความเรียบร้อยในการเลือกตั้ง
นายสุวัจน์ กล่าวว่า ถ้าพัฒนากล้ามั่นใจในนโยบายของพรรคคือนำเศรษฐกิจยุคทองกลับมาให้ภาคอีสาน และโคราชโนมิกซ์ งานดีมีเงิน เชื่อมั่นว่านโยบายเหล่านี้โดน โดนความรู้สึก ความต้องการ ของพี่น้องประชาชน ซึ่งชาติพัฒนากล้าต้องส่งไปให้ถึงมือ
ตอนนี้เราเดินและปราศรัยทุกวัน คะแนนนิยมของชาติพัฒนากล้าก็ดีขึ้นเรื่อยๆ และวันที่ 28 เม.ย.นี้ เราจะจัดปราศรัยใหญ่ก่อนวันเลือกตั้ง เป็นการปรับกลยุทธ์ปราศรัยก่อนวันเลือกตั้ง 2 สัปดาห์ครึ่ง เพื่อให้พี่น้องประชาชนที่มารับฟังได้มีเวลาพิจารณานโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้า ส่งต่อนโยบายเหล่านี้ปากต่อปาก ภาพจะได้อยู่ในความทรงจำ มีเวลาในการถ่ายทอดมากขึ้น