รัฐบาลเอาจริง ปราบฉ้อโกงออนไลน์ มอบดีอีเอสเร่งแก้ไข ติดตามการดำเนินคดีผู้กระทำผิด ขีดเส้น 30 วันรายงานนายกฯ พร้อมหนุนป้องเยาวชนจากภัยออนไลน์
เมื่อวันที่ 29 ต.ค. 2565 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัจจุบันปัญหาการฉ้อโกงและหลอกลวงประชาชน ผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในรูปแบบของการเงินนอกระบบ เช่น แชร์ลูกโซ่ การเล่นแชร์ และการขยายตรง การพนันออนไลน์ รวมทั้งการหลอกลวงผ่านคอลเซ็นเตอร์
โดยคนร้ายมักปรับรูปแบบ วิธีฉ้อโกง และหลอกลวงให้เหยื่อหลงเชื่อ ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนสูญเสียทรัพย์สินจำนวนมาก ทั้งนี้ รัฐบาลไม่นิ่งนอนใจ โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้กำชับหน่วยงานเกี่ยวข้องต่อเนื่องในการแก้ไขปัญหา ดำเนินการทางกฎหมายกับผู้กระทำผิด และหากมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องในขบวนการทำผิดนั้น จะต้องลงโทษเด็ดขาด
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ยังได้หารือถึงปัญหาดังกล่าว และมีมติให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ร่วมกับกระทรวงยุติธรรม โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งขอความร่วมมือธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในการเร่งรัดดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้เกิดเป็นรูปธรรม และให้เร่งติดตามการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดให้แล้วเสร็จโดยเร็วด้วย
รวมถึงให้กระทรวงดีอีเอส รวบรวมผลการดำเนินการและรายงานต่อนายกฯ ภายใน 30 วัน ซึ่งนายชัยวุฒิ ธนาคมนุสรณ์ รมว.ดีอีเอส ได้เชิญหน่วยงานเกี่ยวข้อง อาทิ ดีเอสไอ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.สอท.) หรือตำรวจไซเบอร์ สตช. สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลัง เข้าร่วมประชุมหารือแนวทางเร่งรัด และแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์อย่างเร่งด่วน
“ที่ประชุมเน้นย้ำถึงการแก้ไขปัญหาหลอกลวงทางการเงิน 5 ด้าน ประกอบด้วย แก๊งคอลเซ็นเตอร์, แชร์ลูกโซ่-ระดมทุนออนไลน์, การพนันออนไลน์, บัญชีม้า และการหลอกหลวงซื้อขายสินค้าบริการออนไลน์ ซึ่งปัญหาเหล่านี้มีการแจ้งความจำนวนมาก ตั้งแต่ มี.ค.-ต.ค.65 มีจำนวน 110,000 คดี สร้างความเสียหาย 10,000 ล้านบาท” น.ส.ไตรศุลี กล่าว
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า นอกจากปัญหาการฉ้อโกงประชาชนแล้ว รัฐบาลยังได้ให้ความสำคัญกับการป้องกันภัยออนไลน์ที่เกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชน เนื่องจากมีการศึกษาและผลสำรวจของหน่วยงานต่างๆ ออกมาสะท้อนว่า เยาวชนอยู่ในภาวะเสี่ยงอันตรายจากโลกออนไลน์มากขึ้น อาทิ พบว่าเด็กและเยาวชนใช้สื่อออนไลน์เพิ่มขึ้นและด้วยอายุที่น้อยลงเรื่อยๆ อาจเผชิญกับเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม หรือผิดกฎหมาย จนอาจมีผลต่อพัฒนาการตามช่วงวัยที่ไม่เหมาะสม ส่งผลกระทบทางลบทั้งทางกาย จิตใจ สติปัญญา กระทั่งอาจเกิดความสูญเสียที่ไม่คาดคิด
“ปัญหาดังกล่าว นายกฯ มอบหมายหน่วยงานเกี่ยวข้องให้ประสานการทำงาน ทั้งรัฐและเอกชน สถาบันการศึกษา ภาคประชาสังคม และสื่อต่างๆ ร่วมกันสร้างเครือข่ายในการป้องกันผลกระทบต่อเด็กจากสื่อออนไลน์ พัฒนาการเรียนรู้ที่เท่าทัน ส่งเสริมให้พ่อแม่ ผู้ปกครอง ครู เพื่อดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด ตลอดจนสนับสนุนให้มีการพัฒนากฎหมายว่าด้วยการกระทำผิดต่อเด็กผ่านสื่อออนไลน์ ให้มีประสิทธิภาพมาขึ้น” น.ส.ไตรศุลี กล่าว